นโยบายโอบามาใน 4 ปีข้างหน้า

ปี 2016 หากการบริหารจัดการด้านการคลังสหรัฐไม่สามารถทำได้ดีแล้ว อัตราส่วนของหนี้ต่อจีดีพีอาจจะสามารถแตะระดับเกือบร้อยละ 100 ก็เป็นได้
สัปดาห์ที่แล้ว นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ประกาศแต่งตั้ง นายแจ็ค ลิว และ นายชัค ฮาเกิล เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ตามลำดับ บทความนี้จะขอมองประเด็นการแต่งตั้งของทั้งคู่ให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญมากในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ว่าจะมีนัยต่อนโยบายเศรษฐกิจและต่างประเทศของนายโอบามาในอีก 4 ปีข้างหน้าอย่างไร
ขอเริ่มจากนโยบายเศรษฐกิจก่อน นายแจ็ค ลิว ซึ่งจัดเป็นกูรูด้านการคลังของสหรัฐ เริ่มทำงานด้านงบประมาณให้กับพรรคเดโมแครตในปี 1979 โดยเป็นเบอร์หนึ่งทีมด้านงบประมาณให้กับทั้งประธานาธิบดีบิล คลินตัน และ บารัก โอบามา น่าจะประเมินได้ว่าการแต่งตั้งนายลิวในครั้งนี้ หมายถึงโฟกัสด้านนโยบายเศรษฐกิจของนายโอบามา จะเป็นไปดังนี้
หนึ่ง การต่อรองแบบถึงพริกถึงขิง ประเด็นฐานะการคลังของรัฐบาลกับพรรครีพับลิกันจะเกิดขึ้นในช่วงต้นสมัยที่ 2 ของประธานาธิบดีโอบามา เพื่อให้รัฐบาลสามารถทำงานตามแนวทางของพรรคเดโมแครตที่หาเสียงไว้ให้มากที่สุด ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากหากท้ายที่สุดแล้ว ผลการเจรจาออกมาไม่เป็นไปตามที่พรรคเดโมแครตหาเสียงไว้ ทางพรรคก็ยังมีเวลาอีกมากในการหามาตรการอื่นๆ ให้คะแนนเสียงของตนเองสามารถกระเตื้องกลับคืนมาได้
และ สอง หลายฝ่ายคาดว่าประเด็นที่จะเป็นกุญแจหลักสำหรับผลการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐในอีก 4 ปีข้างหน้า ได้แก่ เรื่องเสถียรภาพด้านการคลังของประเทศ จากรูป จะเห็นได้ว่าในปี 2016 หากการบริหารจัดการด้านการคลังสหรัฐไม่สามารถทำได้ดีแล้ว อัตราส่วนของหนี้ต่อจีดีพีอาจจะสามารถแตะระดับเกือบร้อยละ 100 ก็เป็นได้ ดังนั้น หากผลลัพธ์ของการเจรจาด้านการคลังภายใต้การนำทีม ของนายลิว สามารถดำเนินการได้ดี ก็เท่ากับว่าโอกาสที่พรรคเดโมแครต จะชนะการเลือกตั้งอีกหนก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
อย่างไรก็ดี นายลิว ก็มีจุดอ่อนที่ถือว่าเป็นอุปสรรคสำหรับการทำหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวอยู่ 2 ประการ ได้แก่ หนึ่ง เขาเคยทำงานให้กับซิตี้คอร์ปเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นเวลากว่า 3 ปี ก่อนที่ธนาคารดังกล่าวจะติดเชื้อวิกฤติซับไพร์มไปด้วย ซึ่งนายลิวอาจถูกมองว่าตัวของเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งในการที่ทำให้ซิตี้คอร์ปต้องสะดุดกับวิกฤติดังกล่าว และ สอง ในมุมของการเจรจากับพรรครีพับลิกันในช่วงที่สหรัฐต้องประสบกับวิกฤติเพดานหนี้เมื่อเดือนสิงหาคม 2011 นายลิวได้รับการกล่าวขานกันว่าเป็นผู้ที่แข็งกร้าวในการเจรจากับตัวแทนพรรครีพับลิกัน จนต้องได้รับการเชิญออกจากคณะกรรมการร่วมในการเจรจาดังกล่าว
หันมาดูนโยบายต่างประเทศกันบ้าง การแต่งตั้งนายฮาเกิลให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมนั้น ดูจะมีนัยต่อนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีโอบามาในอีก 4 ปีข้างหน้าว่าสหรัฐคงจะพยายามลดบทบาทในการทำหน้าที่ตำรวจโลก แต่ก่อนอื่นขอลองย้อนดูประวัติโดยย่อของนายฮาเกิลกันก่อน
นายฮาเกิล เริ่มทำงานด้านการเมืองให้กับพรรครีพับลิกันตั้งแต่ปี 1971 จากนั้นก็สลับไปทำธุรกิจหลายประเภทจนมาร่ำรวยกับธุรกิจด้านโทรศัพท์มือถือด้วยการขายกิจการบริษัทของตนเองให้กับ AT&T เมื่อปี 1998 เป็นมูลค่าหลักพันล้านดอลลาร์ จากนั้นก็นำเงินไปใช้ในการหาเสียงจนสามารถได้รับตำแหน่งผู้ว่าการรัฐเนบราสกา
น่าสนใจว่าแนวคิดของนายฮาเกิลในอดีตยังเอียงไปทางอนุรักษนิยมของฝั่งรีพับลิกัน อาทิ การโหวตสนับสนุนให้ใช้กำลังทหารในอิรักเมื่อปี 2002 จนกระทั่งมาเปลี่ยนความคิดมาทางเสรีนิยมของพรรคเดโมแครตเมื่อปี 2006 จนได้เข้ามาช่วยเสริมภาพลักษณ์ในด้านการทหารและต่างประเทศให้กับนายโอบามา ในช่วงที่ชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2008 กับนายจอห์น แม็คเคน ด้วยการเป็นกุนซือและเพื่อนร่วมเดินทางไปเยือนอิรักและอัฟกานิสถานก่อนการเลือกตั้งสหรัฐในปีนั้นจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือน จนทั้งคู่มีความสนิทสนมและสามารถทำงานเข้าขากันในด้านนโยบายต่างประเทศตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา
หากพิจารณาจากแนวคิดของนายฮาเกิล ต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ สามารถสรุปได้เป็น 2 ประการคือ หนึ่ง โอกาสที่สหรัฐจะบุกอิหร่านเพื่อมิให้อิหร่านสามารถสะสมอาวุธนิวเคลียร์จนเป็นอันตรายต่อภูมิภาคนั้นคงเป็นไปได้ยากขึ้น เนื่องจากนายฮาเกิลย้ำเสมอว่าสงครามจะเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้นของสหรัฐในยุคนี้ และสอง ความสัมพันธ์ของสหรัฐกับอิสราเอลน่าจะมีความห่างเหินกันมากขึ้น เนื่องจากจะว่าไปแล้วนายฮาเกิลเคยกล่าวสนับสนุนกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับทางอิสราเอลแบบอ้อมๆ เสียด้วยซ้ำไป หรืออาจกล่าวโดยภาพรวมคือ นโยบายต่างประเทศและการทหารสหรัฐน่าจะไม่พยายามก่อสงครามกับประเทศใดๆ ถ้าไม่จำเป็น ส่วนหนึ่งเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายทางด้านการคลังไปด้วยในตัว
กล่าวโดยสรุป นโยบายเศรษฐกิจและทางทหารของประธานาธิบดีโอบามาในสมัยที่สอง น่าจะมีความเป็นเดโมแครตอยู่สูงกว่าสมัยแรกครับ







