กว่าจะได้ครองใจ (Extreme Employee Engagement)

Employee Engagement เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของคนกับงาน เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจและบรรยากาศที่เป็นสุข
คำว่า Engage หรือหมั้นหมาย หากใช้ในบริบทความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ย่อมหมายถึงการตีตราจอง เป็นพันธะสัญญาจะร่วมเรียงเคียงหมอนครองคู่ในวันหนึ่งภายหน้า ให้อารมณ์ชื่นมื่นอบอุ่นใจยิ่งนัก
เมื่อศาสตร์ทางการบริหารองค์กรและทรัพยากรมนุษย์ ได้นำเสนอแนวคิด Employee Engagement แม้เวลาล่วงมายี่สิบปีแล้ว แต่ใช่ว่าเส้นทางการสร้าง Employee Engagement จะให้อารมณ์ชื่นมื่นอบอุ่นเฉกเช่นกัน หากแต่มีพลวัติขับเคลื่อนพร้อมกันไปกับใจคน ที่เขาว่ากันว่ายากแท้จะหยั่ง มิพักพูดถึงการครองใจร่วมหัวจมท้ายกับองค์กร ที่นักบริหารสมัยใหม่จุดประเด็นมานักต่อนักว่า ความรักองค์กรยังมีอยู่หรือ?
Employee Engagement เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของคนกับงาน คนในที่ทำงาน และองค์กร เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจและบรรยากาศที่เป็นสุข เป็นความสัมพันธ์ที่ต่างไปจากความสัมพันธ์ของบุคคลต่อบุคคล จึงไม่อาจปรับประยุกต์เรื่องความรักผูกพันเป็นหลักใหญ่ใจความ แม้ในทุกวันนี้ ยังมีองค์กรไม่น้อยตีความว่า การที่พนักงานรักองค์กรมาก และไม่ยอมอยากจะจากไป หมายความว่า ได้เกิดภาวะการณ์ Employee Engagement แล้ว
หากกล่าวอย่างรวบรัด Employee engagement เป็นความรักทุ่มเท ที่ฝ่ายพนักงานมีให้ทั้งงาน เพื่อนร่วมงาน และองค์กร
จึงเป็นความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ ร่วมหัวจมท้าย และพิสูจน์ผลลัพท์เชิงสถิติได้อย่างแจ่มแจ้ง
ที่แน่ๆ ปัจจัยสามสี่ประการ จะต้องเป็นกราฟชันสัมพันธ์กันอย่างมีนัยยะสำคัญ คือ ความรักทุ่มเทของพนักงาน ความรักทุ่มเทของลูกค้า ความผูกพันกับแบรนด์ และผลประกอบการบรรทัดสุดท้าย จึงจะภูมิใจนำเสนอได้ว่าองค์กรนี้พนักงานมีความรักทุ่มเทต่อที่ทำงานหมดหัวใจ
ตรรกะหลักคิดที่คมชัดแต่เริ่ม จึงจะเอื้อต่อการเดินทางสร้าง Employee Engagement ที่สำเร็จต่อไป
สิ่งที่เป็นพลวัติอีกประการ คือ ปัจจัยที่จะลดทอน หรือ เร่งเร้าให้เกิดภาวะรักทุ่มเท แต่ไหนแต่ไรมา หลักวิชาการว่าไว้ ว่าคนเรามีความต้องการอยู่สี่ห้าขั้น หรือมีปัจจัยสำเร็จรูปที่จะพัฒนาระดับความรักผูกพันให้เกิดขึ้นจงได้ อาทิ ดาวเด่นต้องการงานท้าทาย ใครๆก็ต้องการทำงานกับหัวหน้าที่ดี เป็นต้น
การบริหารความรักทุ่มเทในโลกการทำงานสมัยใหม่ ที่แม้โลกจะเปลี่ยนหน้าไป คนเรายังมีหัวใจเช่นเมื่อวาน
แต่หัวใจคนทำงานยุคใหม่ในวันนี้ดูไม่คล้ายไปกับการณ์ก่อนเสียแล้ว
หากดิฉันจะกล่าวว่า แก่นแท้ของการสร้างความรักทุ่มเท เป็นการบริหารอารมณ์ความรู้สึกของคนทำงาน และบริหารความสัมพันธ์ของคนกับที่ทำงาน
เป็นเรื่องจริงแท้อยู่ว่าคนเราแต่ละคนมีความกลัว ความจำเป็น ความต้องการ ความหวัง ความฝัน ในห้องหัวใจที่ต่างกันไป
ความต่างที่ว่าต่างไปในระดับจิตใต้สำนึก ความต่างที่ว่ายังต่างไปในแต่ละระยะย่างก้าวของชีวิต
แนวโน้มการบริหารความรักทุ่มเทยุคใหม่ จึงเมินต่อหลักการให้วิตามินรวมเพื่อหวังผลเป็นเลิศ แต่บ่ายหน้าไปทางเรื่องการครองใจกลุ่มเป้าหมาย โดยเข้าหาเข้าถึงเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนทำงาน และบริหารความสัมพันธ์ของคนกับที่ทำงานระดับเฉพาะราย
โดยเฉพาะกลุ่มที่ส่งผลตอบแทนต่อการลงทุนลงใจสูงและมีศักยภาพจะเป็นผู้นำองค์กรในระยะ 3-5 ปีนี้
เส้นทางการครองใจแม้จะขรุขระ แต่หากจับหัวใจของแนวคิดนี้อย่างแม่นมั่น ปรับประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย อ่านและตอบโจทย์ความคาดหวังในความสัมพันธ์ของกันและกันอย่างแจ่มชัด เป็นเช่นนี้แล้ว ย่อมหวังผลจะเห็นองค์กรสุขภาพดี พนักงานล้วนแต่รักทุ่มเท ร่วมหัวจมท้าย
รุดหน้าสู่ความสำเร็จดังใจหมายได้ในท้ายสุดค่ะ







