จังหวะวิกฤติ รัฐบาล’อนุทิน’

เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญวิกฤติที่ซ้ำซ้อน และซับซ้อน ปัจจัยท้าทายมากมายทั้งภายนอกและภายในประเทศซัดกระหน่ำ ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา ไม่เพียงเป็นเรื่องทางการเมือง แต่ส่งผลต่อการค้าและการลงทุนภาพลักษณ์ความเชื่อมั่น
ขณะเดียวกัน การเจรจาภาษีสหรัฐภายใต้รัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเป็นความไม่แน่นอนที่รัฐบาลไทยต้องเร่งกระชับพื้นที่ ติดตามอย่างใกล้ชิด ปัญหาภายในประเทศเศรษฐกิจที่เปราะบาง หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น กำลังซื้อที่ลดลง ความไม่มั่นคงทางรายได้ของประชาชน สะท้อนความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ภาคใต้ ตอกย้ำซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยให้เลวร้ายหนักขึ้น ทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนเสียหาย ภาคการท่องเที่ยวที่ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งแย่ลงไปอีก ปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขด้วยนโยบายชั่วคราว แต่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ยังไม่นับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ที่เผชิญความไม่แน่นอนสูง นักลงทุนอาจชะลอการตัดสินใจเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศและความผันผวนของตลาดโลก นี่เป็นสัญญาณเตือนว่าหากรัฐบาลไม่สร้างความมั่นใจอย่างจริงจัง เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของไทยอาจสั่นคลอนมากกว่าที่คิด
การสนับสนุนการลงทุนและการคงสิทธิประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จึงไม่ใช่เรื่องทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน รัฐบาลต้องตระหนักได้แล้วว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาชะลอ การชะลอหรือประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป จะทำให้เศรษฐกิจไทยตกอยู่ในกับดักความเสี่ยงที่ยากจะหลีกเลี่ยง การออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ประคับประคองภาคธุรกิจ และเตรียมพร้อมรับมือปัจจัยเสี่ยงทั้งภายนอกและภายในต้องทำอย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจน โปร่งใส ไม่สร้างความคลุมเครือ มิฉะนั้นผลกระทบจะกว้างและลึกกว่าที่คาด การสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและนักลงทุนต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง รัฐบาลต้องวางแผนยุทธศาสตร์ที่รัดกุม ชัดเจน และทำต่อเนื่อง เพราะความเปราะบางที่สะสมมานาน ไม่สามารถปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่จัดการ
นี่คือ “จังหวะวิกฤติ” ของรัฐบาลชุดนี้ ที่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรีบลงมือดำเนินมาตรการที่เด็ดขาดและมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันเศรษฐกิจไทยจากผลกระทบรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในเร็ววัน สุดท้ายความเชื่อมั่นและการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ถือเป็นกุญแจสำคัญ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน นักลงทุน และนักท่องเที่ยว การจัดการเชิงรุกและการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์อย่างเป็นระบบ จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้ประเทศไทยตกอยู่ในกับดักวิกฤติทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อนและยาวนาน







