สงครามมีหลายแนวรบต้องพิจารณาให้ครบทุกมุม

น้ำท่วมหาดใหญ่ลดแล้วแต่การฟื้นฟูบูรณะไม่จบไม่สิ้น ยอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ยังไม่ปรากฏ เงินช่วยเหลือจะถึงมือชาวบ้านส่วนใหญ่เมื่อใดยังไม่ทราบ วันนี้ถึงกำหนดเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่สองสามวันหลังมีเสียงบ่นจากชาวเน็ตเรื่องความขลุกขลัก ไม่สมศักดิ์ศรี บ้างก็เปรียบเทียบว่า งบประมาณน้อยกว่าตอนกัมพูชาเป็นเจ้าภาพด้วยซ้ำ
แล้วจู่ๆ ก็เหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอีกครั้ง ทุกประเด็นหลบไปก่อน ตอนนี้ความสนใจของผู้คนพุ่งไปที่ชายแดนด้วยความรู้สึกชาตินิยมพลุ่งพล่าน อยากเผด็จศึกนี้ให้เสร็จสิ้น!
พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก พูดถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาภายหลังมีการปะทะเข้าสู่วันที่ 2 ไว้อย่างชัดเจน “เป้าหมายคือ กองทัพบกจะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพ ขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา” ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความเห็นในทิศทางเดียวกัน และมีหลายประโยคที่น่าสนใจ เช่น “ทางกองทัพเขามีแนวทางดำเนินการอยู่แล้วเราทำเพื่อรักษาอธิปไตย เกียรติภูมิและความปลอดภัยของประชาชน” “การเจรจาไม่มีแล้ว จากนี้ไปกัมพูชาต้องทำตาม ถ้าจะหยุดสู้รบกันก็ต้องทำตามที่ไทยกำหนด” ปฏิญญาสันติภาพที่เคยลงนามกัน “ไม่มีแล้ว จำไม่ได้แล้ว”
นายกฯ จำไม่ได้ แต่สำหรับคนที่ยังจำได้ปฏิญญาสันติภาพลงนามกัน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ต.ค. มีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งนายกฯ อันวาร์ได้โพสต์เฟซบุ๊กห่วงใยสถานการณ์และขอให้ทั้งสองฝ่ายยับยั้งชั่งใจจนถึงที่สุด แต่นายกฯ อนุทินโต้ตอบผ่านสื่อว่า “คนที่เป็นพยานต้องไปพูดให้กับคนที่รุกรานไทยหยุดการกระทำก่อน ไม่ใช่บอกเราอดทนต่อไปหรือหยุดหรือดำเนินการด้วยตัวเราเอง ไม่ได้ มันเลยเวลานั้นมาแล้ว ถ้าอยากจะหยุดให้ไปบอกคนที่รุกรานเราให้หยุด”
ฟังวาจานายกฯ อนุทินนับว่าฉับไวถูกใจกองเชียร์ที่อยากรบเพื่อจัดการกัมพูชาให้เด็ดขาด ตัดภาพไปที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความขัดแย้งนี้อย่างพร้อมเพรียง รายงานอ้างข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายที่กล่าวโทษกันไปมาว่าฝ่ายตรงข้ามเริ่มก่อน แต่มีย่อหน้าหนึ่งจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กน่าสนใจที่ว่า สถานการณ์ล่าสุดเสี่ยงทำให้ข้อตกลงสันติภาพที่สหรัฐและมาเลเซียเป็นคนกลางพังทลายลง (นายกฯ บอกว่าไม่มีแล้ว จำไม่ได้) และเสี่ยงทำลายการเจรจาการค้าสหรัฐ-ไทย ขัดกับนโยบายเศรษฐกิจสำคัญของนายกฯ ก่อนการเลือกตั้งมาถึง ที่ต้องยกตัวอย่างบลูมเบิร์กก็เพื่อต้องการบอกว่า สงครามไม่ได้มีแค่แนวหน้า แต่ยังมีสงครามการค้า และสงครามข่าวสาร ความรักชาติจึงไม่ได้มีแค่แนวรบเดียว หากอยากรบต้องคิดให้ครบทุกมุม







