บทเรียนน้ำท่วมหาดใหญ่วิสัยทัศน์ผู้นำสำคัญยิ่ง

บทเรียนน้ำท่วมหาดใหญ่วิสัยทัศน์ผู้นำสำคัญยิ่ง

ปิดฉากอย่างงดงามสำหรับเวทีแห่งความยั่งยืน! SUSTAINABILITY FORUM 2026: Shift Forward–Overcoming Challenges จัดโดยกรุงเทพธุรกิจที่จัดได้เหมาะสมกับเวลา ในช่วงที่ภาคใต้ของไทยเพิ่งเผชิญน้ำท่วมใหญ่โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

    แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเพื่อนบ้านมาเลเซีย สิงคโปร์ พลเมืองจากทั้งสองชาติต้องมาติดน้ำท่วมไปด้วยสะท้อนว่า ในโลกที่คนเดินทางไปมาหาสู่กันได้ง่าย ภัยธรรมชาติไม่ได้จำกัดวงเฉพาะคนในพื้นที่นั้นๆ อีกต่อไป 
    มองในภาพกว้างออกไปสภาพอากาศรุนแรง ฝนตกหนักน้ำท่วมดินถล่มตลอดเดือน พ.ย.เกิดขึ้นทั้งในไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ข้ามไปจนถึงศรีลังกา ผู้เสียชีวิตโดยรวมไม่น้อยกว่า 1,250 คน สาเหตุของภัยธรรมชาติที่เกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงยิ่งขึ้นหนีไม่พ้นโลกร้อน ไทยเองได้เผชิญ “สัญญาณเตือน” ที่ชัดเจนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตั้งแต่คลื่นความร้อนแตะ 50 องศาเซลเซียส ไปจนถึงอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี สะท้อนถึงความจำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และอุตสาหกรรมอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเมื่อภาคอุตสาหกรรมเป็นผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 30% และใช้พลังงานมากถึง 38% ของโลก

    เมื่อพูดถึงสิ่งแวดล้อมก็ต้องนึกถึงความยั่งยืน (Sustainability) จริงๆ แล้วคำๆ นี้ ครอบคลุมในหลายมิติ ในโลกธุรกิจและสังคมปัจจุบัน Sustainability กลายเป็นมนตราศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะในรายงานประจำปีขององค์กรใหญ่ หรือในเวทีอภิปรายต่างๆ แต่ท่ามกลางกระแสความยั่งยืนที่เราพูดถึงอยู่นั้น หลายครั้งมันถูกมองว่าเป็นเพียงเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่ดูไกลตัว หรือเป็นเพียง “เช็กลิสต์” ที่ต้องทำให้ครบตามข้อกำหนด แต่เมื่อมองไปยังวิกฤติที่เพิ่งเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ทุกคนประจักษ์ชัดความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

    โฟกัสง่ายๆ แค่ที่หาดใหญ่ บรรยากาศความโกลาหล ทุกคนตั้งรับไม่ทันกับกระแสน้ำที่หลั่งไหลมาอย่างรวดเร็ว ฝ่ายรัฐขาดแผนรับมือที่สอดประสาน รัฐบาลกล่าวโทษท้องถิ่น โดยลืมไปว่าหน่วยงานภาครัฐทุกส่วนล้วนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบประชาชนเท่าๆ กัน ในกรณีน้ำท่วมหาดใหญ่แม้ท้องถิ่นพลาด หากรัฐบาลเข้มแข็งมีแผนการชัดเจน ผู้นำกล้าตัดสินใจจะลดความเสียหายลงได้มาก คนหาดใหญ่เจอน้ำท่วมทุกปีระดับความรุนแรงแตกต่างกันไป ระดับน้ำท่วมใหญ่เหมือนครั้งล่าสุดเจอเฉลี่ยทุก 10-12 ปี ประชาชนถอดบทเรียนมามากพอแล้ว 
    ทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนว่า ความยั่งยืน ไม่ใช่เรื่องของการต่างคนต่างทำเพราะไม่สามารถสร้างพลังได้มากพอและไม่มีทิศทาง การขับเคลื่อนความยั่งยืนจึงขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้นำ  หรือที่เรียกว่า “Tone at the Top” เป็นสำคัญ ผู้นำต้องตัดสินใจว่าความยั่งยืนจะเป็นเพียงแค่ “เช็กลิสต์” หรือจะเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์ในการนำพาประเทศผ่านพ้นภัยพิบัติอันเกิดจากฝีมือมนุษย์