ไทย Soft Power ฝ่าสมรภูมิ โต้พายุ สู้ฝุ่นพิษ

จับกระแส.. ไทย Soft Power ฝ่าสมรภูมิ โต้พายุ สู้ฝุ่นพิษ
เปิดประเด็นจับกระแส ไทย Soft Power ฝ่าสมรภูมิ โต้พายุ สู้ฝุ่นพิษ นี่ใกล้จะสิ้นปีนี้ ประเทศไทยของเราพบเจออุปสรรคที่ทำให้ซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) ถูกกระทบต่อภาพลักษณ์ในสายตาชาวโลกอยู่ไม่น้อย เกิดคำถามพอสมควรว่า เราประเมินตัวเอง มองรัฐบาลที่เป็นผู้แทนของเราแก้ปัญหาดีพอหรือยัง
เรื่องแรก สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ความสูญเสียของประชาชนถูกเยียวยาได้ดีพอหรือไม่ การป้องกันประเทศและมาตรการตอบโต้สามารถทำให้เกิดการเชื่อมั่นและความเข้มแข็งของชาติได้อย่างไร
ซึ่งล่าสุด ท่าทีรัฐบาลปัจจุบันที่ยืนยันปิดด่านจนกว่าสิ้นการคุกคาม ถือว่ากดดันกระทบเศรษฐกิจกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง พร้อมรุกไปในเวทีโลกเรียกร้องเรื่องตรวจสอบทุ่นระเบิด ถือว่ายกระดับทางการทูต
เรื่องที่สอง ภัยพิบัติธรรมชาติ ในแต่ละปีประเทศไทยต้องสาละวนการแก้ปัญหาน้ำท่วม ยิ่งเหตุการณ์ล่าสุด น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา เกิดอุทกภัยฝนตกหนักจนน้ำท่วมเมือง
จนเกิดคำถามว่า นักเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นกับนักการเมืองระดับรัฐบาล ฝ่ายใดประมาทประเมินผิดพลาด ทำให้ความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนถูกน้ำถล่มจนเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
อีกทั้ง ภัยมลพิษที่มาพร้อมฤดูหนาว อย่าง ฝุ่นพิษ PM 2.5 กำลังสร้างผลกระทบต่อสุขภาพของคนในเมืองทั่วประเทศในช่วง 2-3 เดือนก่อนเข้าสู่ฤดูร้อน
ซึ่งการแก้ปัญหาและความร่วมไม้ร่วมมือของทุกภาคส่วนของสังคมนั้น เราได้ตระหนักจริงจัง ช่วยกันมากพอหรือยัง
กล่าวคือ ภัยคุกคามที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้เสน่ห์ของไทยที่เป็นซอฟต์ พาวเวอร์ หนุนการการท่องเที่ยว อาจถูกตั้งคำถามในประเด็นความปลอดภัยต่อชีวิตและสุขภาพในการมาเยือนประเทศไทย
ว่ากันตามจริง ปัญหาเหล่านั้นก็เกิดขึ้นหลายประเทศทั่วมุมโลก แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละรัฐบาลของประเทศนั้น จะวางแผนรับมือ และแก้ปัญหาระยะยาวแบบไหน เรื่องนี้เราทุกคนต้องติดตามและเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ในแง่การสร้าง Thai Soft Power เช่นการนำเอาเอกลักษณ์ไทย อย่าง โขน โนรา เทศกาลสงกรานต์ นวดไทย และต้มยำกุ้ง ไปแสดงบนเวทีนานาชาติ ในงานมหกรรมวัฒนธรรมเส้นทางสายไหมนานาชาติที่จีน
ตอกย้ำบทบาทของไทย ในฐานะผู้นำด้าน Soft Power และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เนื่องจากวัฒนธรรมจะต้องอนุรักษ์ และยังสามารถต่อยอดเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างรายได้ เสริมสร้างความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ด้วย
รวมถึง การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยสู่เวทีโลก เดินหน้าแผนระยะยาว ยกระดับคุณภาพและความปลอดภัย พร้อมสนับสนุน SME ให้ปรับปรุงโรงงานให้ได้มาตรฐาน GMP
ขณะที่ การทำให้ไทยถูกจดจำผ่านสื่อ โดยเฉพาะ ภาพยนตร์ ล่าสุดคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ เห็นชอบ 2 มาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และดิจิทัลคอนเทนต์
- ส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศ คืนเงินสูงสุด 30%
- มาตรการส่งเสริมการจ้างผลิตดิจิทัลคอนเทนต์ของต่างชาติ คืนเงิน 20%
โดยเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ เพื่อสามารถดำเนินการได้โดยเร็ว เพื่อสร้างแต้มต่อประเทศไทยในเวทีอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ระดับโลก
คาดว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์ไทยที่สร้างภาพยนตร์ที่มีลิขสิทธิ์ของไทย ผลิตภาพยนตร์คุณภาพในประเทศ เปิดพื้นที่และโอกาสให้งานสร้างสรรค์ได้เติบโต และต่อยอดมูลค่าทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมวัฒนธรรมอีกด้วย
แน่นอนว่า ภายใต้การทำงานของรัฐบาลปัจจุบันที่อายุสั้นใกล้ยุบสภา ซึ่งนโยบายซอฟต์ พาวเวอร์อาจเห็นภาพไม่ชัด แต่โจทย์ร่วมและเป็นโจทย์ใหญ่ที่ไทยต้องเข้มงวดรักษาไว้คือ ประเทศไทยมีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน จะทำให้คนทั่วโลกที่มาเยือนติดใจเสน่ห์นี้มีพลังไม่มีวันลืม
เรื่องที่เกี่ยวข้อง :







