ไทยต้องเดินหน้าเจรจาภาษี ไม่ต้องรอผลคดีศาลฎีกา

ไทยต้องเดินหน้าเจรจาภาษี ไม่ต้องรอผลคดีศาลฎีกา

การพิจารณาคดีของศาลฎีกาสหรัฐเมื่อวันพุธ (5 พ.ย.)  แม้เป็นคดีความในประเทศแต่ก็ส่งผลกระทบไปทั่วโลกจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

    ขณะนี้ศาลฎีกาสหรัฐกำลังพิจารณาคดีภาษีสามคดี โดยสองคดีแรกสองกลุ่มธุรกิจเล็กๆ ฟ้องแยกกัน อีกหนึ่งคดีฟ้องโดยอัยการ 12 รัฐ ให้ศาลพิพากษาว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เก็บภาษีประเทศโน้นประเทศนี้มีความชอบธรรมตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งศาลชั้นรองพิพากษาออกมาแล้วว่า เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ แต่ก็คุ้มครองให้เก็บภาษีได้ต่อไประหว่างที่คดียังไม่สิ้นสุด

    ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ถูกเก็บภาษีศุลกากรเป็นการตอบโต้ ตามที่ทรัมป์ประกาศใน “วันปลดแอก” 2 เม.ย.  ภาษีตัวนี้ผ่านดรามามาพอสมควร เพราะตอนแรกเราโดนภาษีสูงถึง 36% ประกาศภาษีออกมาไม่นานเกิดเหตุปะทะกันบริเวณชายแดนกับกัมพูชา ซึ่งโดนทรัมป์เก็บภาษีสูงเหมือนกัน กลายเป็นเหตุให้ประธานาธิบดีสหรัฐออกมาขู่ว่าถ้าไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาทำข้อตกลงการค้าลดภาษีให้ สุดท้ายสองประเทศถูกเก็บภาษีในอัตรา 19% เท่ากัน แม้ลงนามข้อตกลงสันติภาพกันแล้วโดยมีทรัมป์เป็นสักขีพยาน แถมไทยยังลงนามเอ็มโอยูเรื่องแรร์เอิร์ธให้ด้วยก็ยังไม่ได้ลด

    ศาลฎีกาสหรัฐยังไม่กำหนดวันพิพากษาคดี จัดคิวได้เร็วสุดช่วงสิ้นปี ถามว่าหากศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะเกิดอะไรขึ้น คำตอบคือคงวุ่นวายน่าดู เพราะต้องคืนภาษีหลายแสนล้านดอลลาร์ให้กับผู้นำเข้าสหรัฐ  เบื้องต้นสื่อต่างประเทศรายงานว่า ถ้าศาลพิพากษาไม่เป็นคุณ รัฐบาลก็ต้องหาช่องทางทางกฎหมายอื่นๆ มาเก็บภาษีจนได้ แถมยังมีความซับซ้อนมากกว่าด้วย นั่นเท่ากับว่า ภาษีสหรัฐไม่ได้หายวับไปกับตา อย่างไรคู่ค้าก็ต้องจ่าย
    หันมามองการรับมือของไทย เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่ายังเดินหน้าเจรจาภาษีและการค้ากับสหรัฐต่อไปตามขั้นตอน ไม่ต้องรอผลของคดี ได้ยินอย่างนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะการหารือและเจรจากับสหรัฐต้องทำต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทยและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว จำให้ขึ้นใจเลยว่าตลอดสามปีที่เหลือในวาระทรัมป์ 2.0 ยังต้องใช้มาตรการภาษีมาฟาดฟันกับจีนอีกแน่นอน และประเทศอื่นต้องพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย