เมื่อ‘เงินเฟ้อ’ ไม่สะท้อนภาพแท้จริง

“เงินฝืด” ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในแวดวงเศรษฐกิจการเงินไทย เพราะเงินเฟ้อของเราติดลบมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 แถมมีแนวโน้มว่าจะหดตัวแบบนี้ไปอีกระยะ ยิ่งถ้าดูเทียบกับต่างประเทศแล้ว “ไทย” ติดอยู่ในกลุ่มประเทศที่เงินเฟ้อต่ำ 30 อันดับแรกของโลก จาก 180 ประเทศ
ทำไม “เงินฝืด” จึง “น่ากังวล” นั่นเป็นเพราะถ้าราคาสินค้าลดลงต่อเนื่อง เป็นวงกว้าง ผู้คนเริ่มชะลอการซื้อสินค้าและมองว่าอนาคตจะได้ของที่ถูกกว่า ปัญหานี้จะกลายเป็น “วงจรอุบาทว์” กระทบต่อการผลิต การจ้างงาน ส่งผลต่อเนื่องยังเศรษฐกิจที่อาจถดถอยรุนแรงได้
แต่จากการวิเคราะห์ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มองว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน “ยังไม่เรียกว่าเป็นภาวะเงินฝืด” เนื่องจากเงินเฟ้อที่ต่ำจนติดลบของไทย ส่วนใหญ่เกิดจากฝั่งอุปทาน ทั้งราคาพลังงานที่ลดลง ผลผลิตอาหารสดที่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญยังไม่พบการปรับลดราคาเป็นวงกว้าง
ขณะที่ “อุปสงค์” หรือกำลังซื้อไม่ได้ทรุดหนัก แถมเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวก ...ธปท. จึงมองว่า ปัญหาที่แท้จริงของเงินเฟ้อไทยที่ติดลบไม่ได้อยู่ที่ว่าราคากำลังดิ่งลงเพราะอุปสงค์ทรุดหนัก แต่เกิดจาก “ปัจจัยเชิงโครงสร้าง” ที่ทำให้ไทยมีภูมิคุ้มกันต่อการเกิดภาวะเงินเฟ้อสูงมาโดยตลอด
นอกจากนี้ ธปท. ยังประเมินด้วยว่า เงินเฟ้อไทยอ่อนไหวต่อปัจจัยด้านอุปทานภายนอกมาก เนื่องจากสัดส่วนของอาหารสดและพลังงานในตะกร้าคำนวณเงินเฟ้อมีสูงถึงประมาณ 30–40% นับว่าสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ที่สำคัญคือ แรงกดดันจากการแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการนำเข้าสินค้าจีนราคาถูกซึ่งเป็นความท้าทายที่ยากจะแก้ไขด้วยเครื่องมือนโยบายการเงินแบบดั้งเดิม
ในบริบทที่เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวที่ชะลอลง แม้ว่าความเสี่ยงด้านเงินฝืดจะต่ำ แต่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำถือเป็นภาพสะท้อนว่า เศรษฐกิจกำลังเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันที่รุนแรง สถานการณ์นี้ทำให้คุณภาพสินเชื่อ SMEs ปรับด้อยลงต่อเนื่อง ในทางกลับกัน การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางของภาคเอกชนยังคงยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย 1–3% ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญที่ช่วยให้ ธปท. มั่นใจว่าไม่ได้กำลังเผชิญกับวงจรเงินฝืดรุนแรง
ถ้าเป็นไปตามที่ ธปท. อธิบายเอาไว้ ปัญหาใหญ่ของไทยเวลานี้จึงอยู่ที่ว่า ตัวเลข “เงินเฟ้อ” ที่ไม่ได้สะท้อนภาพเศรษฐกิจแท้จริง เราควรจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้เหล่านี้? เพราะต้องไม่ลืมว่า “เงินเฟ้อ” ถือเป็น “เครื่องมือหลัก” ในการตัดสินนโยบายการเงิน ดังนั้นตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาสวนทางกับการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะสร้างความสับสนให้กับผู้ที่ติดตามได้เช่นกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การวางแผนธุรกิจและการตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาดได้!







