4 เดือนไม่สั้นเกินไป สำหรับวางรากฐานสังคมคาร์บอนต่ำ

4 เดือนไม่สั้นเกินไป สำหรับวางรากฐานสังคมคาร์บอนต่ำ

แม้รัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล จะมีอายุเพียง 4 เดือน แต่ไม่ได้หมายความว่าการวางรากฐานสำคัญเพื่ออนาคตควรถูกเลื่อนออกไป ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ

หรือการผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ และการสร้างซัพพลายเชนของเอสเอ็มอีสำหรับอุตสาหกรรมสีเขียว ซึ่งเป็นวาระที่รอไม่ได้ ในขณะที่คู่แข่งทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเร่งปรับตัว ผู้ผลิตไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นของตลาดโลก

สหภาพยุโรป (EU) กำลังนำกลไก Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) มาบังคับใช้ในปี 2569 และตลาดสำคัญอื่นที่กำลังตามรอย ซึ่งรัฐบาลไม่ควรมองว่า 4 เดือนสั้นสำหรับการวางแผนระยะยาวที่ประเทศไทยประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050

ซึ่งรัฐบาลอนุทินได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่จะสนับสนุนลดการปล่อยคาร์บอนด้วยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและการผลักดันร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    
เอสเอ็มอีไทยซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจ คิดเป็นกว่า 99% ของกิจการทั้งหมดและจ้างงานมากกว่า 70% ของแรงงานในประเทศ กำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ ผู้ซื้อรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศเริ่มกำหนดเงื่อนไขด้านความยั่งยืนและการลดการปล่อยคาร์บอนให้กับซัพพลายเออร์ เอสเอ็มอีที่ไม่สามารถปรับตัวจะถูกตัดออกจากห่วงโซ่อุปทาน แต่ปัญหาคือเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ เทคโนโลยี และเงินทุนในการเปลี่ยนผ่าน นี่คือจุดที่รัฐต้องเข้ามามีบทบาทเร่งด่วนเพื่อสร้างความพร้อมให้เอสเอ็มอี
    
รัฐบาลจำเป็นต้องสร้างโมเมนตัมและทิศทางที่ชัดเจนเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายที่มีผลระยะยาว โดยสร้างความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อร่างแผนปฏิบัติการระยะสั้น กลาง และยาว พร้อมกับเปิดตัวโครงการนำร่องในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อาหารและเกษตร สิ่งทอ และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งมีศักยภาพสูงในตลาดส่งออก การสร้างฐานข้อมูลการปล่อยคาร์บอนของภาคอุตสาหกรรมไทย จัดทำแพลตฟอร์มให้คำปรึกษาออนไลน์สำหรับเอสเอ็มอี และเร่งรัดการรับรองมาตรฐานสีเขียว
    
ในท้ายที่สุดไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะอยู่นานแค่ไหน แต่ทุกรัฐบาลจำเป็นต้องผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำและสร้างซัพพลายเชนสีเขียวให้เอสเอ็มอีไม่ใช่เพียงวาระสิ่งแวดล้อม แต่เป็นวาระความอยู่รอดทางของภาคธุรกิจตามเมกะเทรนด์โลก โดยรัฐบาล 4 เดือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ทรงพลังได้หากมีวิสัยทัศน์และความกล้าที่จะลงมือทำเตรียมแผนงานเพื่อสร้างความต่อเนื่องให้กับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทย