คำสัญญาของ 'นายกฯ อนุทิน' ในเรื่องเศรษฐกิจที่มีต่อประชาชน

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นของไทยในรอบประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา นำมาซึ่งการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองในที่สุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32
ในการแถลงข่าวครั้งแรกภายหลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวกับประชาชนที่ตั้งความหวังกับการทำงานของรัฐบาลใหม่ว่า
"ในวันนี้ ผมยืนอยู่ตรงนี้ ด้วยความตระหนักดีว่าการเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันนี้ อาจมีข้อจำกัดหลายประการหลายด้าน ในการปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน อย่างไรก็ตามขอให้ความมั่นใจต่อพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านว่า ตัวผม และคณะรัฐมนตรีของผมทุกคน จะมุ่งมั่นทุ่มเททำงาน ด้วยความไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกำลังกาย กำลังสมอง เพื่อให้ประเทศไทยของเราได้หลุดพ้นจากสถานการณ์วิกฤติต่างๆ โดยเร็วที่สุด"
ด้วยเวลาที่มีอยู่ จะเร่งแก้ไขปัญหา 4 ด้านที่เป็นภัยคุกคาม และส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวไทย โดยในเรื่องของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งจะเร่งดำเนินมาตรการลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพ ลดค่าพลังงาน ค่าเดินทาง ค่าขนส่งต่างๆ ให้แก่พี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการทั้งหลาย และจะแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกร และผู้มีรายได้น้อย หาทางมีมาตรการต่างๆ ทั้งทางกฎหมาย และการอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อเสริมสร้างรายได้แก่ ผู้ประกอบการ และประชาชน ตลอดจนทำให้รายได้ของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นฐานรากของสังคมไทยมีความมั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
สำหรับในเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศในช่วงครึ่งปีหลังที่มีปัญหาเศรษฐกิจที่รอการแก้ไขทั้งเรื่องของกำลังซื้อที่ตกต่ำ เรื่องของหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในภาวะวิกฤติ
รวมทั้งเรื่องของการผลักดันการขับเคลื่อนงบประมาณให้ลงสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว การเจรจาภาษีสหรัฐที่ยังมีเรื่องของรายละเอียดที่ยังต้องหารืออีกมาก นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการปรับปรุงการคลังระยะปานกลางให้เหมาะสมด้วย
ในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจนั้นไม่สามารถทำได้เฉพาะในเรื่องของการกระตุ้นระยะสั้น แต่ในฐานะรัฐบาลต้องเริ่มวางนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจของประเทศในระยะกลาง และระยะยาวด้วย
อย่างไรก็ตามในการทำงานในช่วงเวลาจำกัดมีทีมงานที่เป็นมืออาชีพที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยให้หน้าตาของ “ครม.เศรษฐกิจ” ใน “รัฐบาลอนุทิน 1” ทั้งชื่อของเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ ที่คร่ำหวอดเป็นผู้บริหารในกระทรวงการคลังมาหลายกรม และมีประสบการณ์อย่างมากในการทำงานกับบริษัทเอกชน
ชื่อของวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่แบงก์กรุงไทย และอดีตประธานที่ปรึกษาของนายพิชัย ชุณหวชิร ที่กำลังจะลงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง จะเข้ามาช่วยเดินหน้าการเจรจาภาษีกับสหรัฐ
รวมทั้งชื่อของอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีต CEO ปตท.ที่ได้รับการยอมรับในแวดวงพลังงาน เข้ามานั่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ซึ่งทำให้นโยบายทั้งการคลัง และพลังงาน สามารถเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนั้นในเร็วๆ นี้ จะมีการประกาศรายชื่อของที่ปรึกษานโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีทั้งชื่อของอดีตรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และผู้บริหารเอกชนที่ได้รับการยอมรับในหลายวงการเข้ามาช่วยให้ข้อเสนอแนะในการทำงานของรัฐบาล
หวังว่าในช่วงเวลาประมาณ 4 เดือนของรัฐบาลชุดนี้จะสามารถเดินหน้าทำงานในด้านต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจได้ตามที่ให้คำสัญญาไว้กับประชาชน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







