การเมือง-เศรษฐกิจวิกฤติซ้ำซ้อน

การเมือง-เศรษฐกิจวิกฤติซ้ำซ้อน

เศรษฐกิจไทยเวลานี้หลายคนมองว่าถึง “ทางตัน” แล้ว เพราะดูไม่ออกว่าเราจะกลับไปเติบโตในระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิดอย่างไร และเอาเข้าจริงๆ ไทยเองน่าจะเป็นประเทศท้ายๆ ที่มูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่งจะกลับขึ้นมาเทียบเท่ากับช่วงก่อนโควิด

    เรียกได้ว่าเราใช้เวลาฟื้นตัวจากพิษโควิดนานถึง 4 ปีเต็ม ที่สำคัญมองไปข้างหน้ายังดูไม่ออกว่าอะไรจะเป็น “เครื่องยนต์ใหม่” ที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยิ่งช่วงหลายปีมานี้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ในกลุ่มบ๊วยของตารางอาเซียน
    เราต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยเวลานี้กำลังเผชิญภาวะยากลำบากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต ไม่ใช่เพียงแค่การเติบโตต่ำที่ลากยาวมานาน แต่ยังถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤติการเมืองซึ่งทำให้ประเทศเข้าสู่สุญญากาศทางนโยบาย การถอดถอนนายกรัฐมนตรีล่าสุดได้กลายเป็นชนวนสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หรือแม้แต่ประชาชนในประเทศเอง สถานการณ์นี้ทำให้เศรษฐกิจไทยจากที่เติบโตช้าอยู่แล้วกำลังโดนวิกฤติการเมืองกระหน่ำซ้ำเติม

    ถ้าลองวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจไทยให้ดี มันเริ่มต้นจากการที่เราไม่ยอมแก้ปัญหาระยะยาวในอดีตจนวันนี้กลายเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องเร่งแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้ครัวเรือนซึ่งเคยเตือนกันมาร่วม 10 ปี ว่ากำลังเป็นระเบิดเวลาของวิกฤติเศรษฐกิจลูกใหม่ แต่รัฐบาลไม่ว่าจะกี่ชุดให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเรื่องนี้น้อยมาก หรือแม้แต่การหาเครื่องยนต์การลงทุนใหม่ๆ เพื่อทดแทนการลงทุนในอุตสาหกรรมเดิมๆ ซึ่งโลกเริ่มใช้น้อยลงไปเรื่อยๆ รวมไปถึงนโยบายที่จะดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ ก็ยังไม่มีความชัดเจน... EEC ที่เคยเป็นความหวังของประเทศ แต่ความคืบหน้าในส่วนนี้แทบไม่มีให้เห็น เราไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาประเทศไทยน้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน

    ข้อมูลหลายอย่างบ่งชี้ไปว่า “ขีดแข่งขัน” ของประเทศไทยกำลังถดถอยลง ถามว่าเป็นเพราะอะไร สถานการณ์การเมืองช่วงหลายปีมานี้น่าจะบอกใบ้ถึงคำตอบได้ค่อนข้างดี ซึ่งถ้าไทยยังไม่สามารถสร้างรัฐบาลที่เข้มแข็งกำหนดทิศทางของประเทศในระยะยาวได้ ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะไม่ได้กดดันแค่การลงทุนเท่านั้น แต่ยังกระทบตรงไปถึงคุณภาพความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย เศรษฐกิจไทยจะยังจมดิ่ง หลายธุรกิจปิดกิจการ ผู้คนจะหางานทำยากขึ้น กำลังซื้อหดหาย สุดท้ายเราจะกลายเป็นประเทศที่นักลงทุนลืม
    เศรษฐกิจไทยในวันนี้จึงไม่ใช่แค่ “ติดกับดักการเติบโตต่ำ” แต่กำลังเผชิญ “กับดักซ้ำซ้อน” ที่การเมืองและโครงสร้างเศรษฐกิจเชื่อมโยงกันเป็นปัญหาใหญ่ ประเทศจำเป็นต้องมีทั้งผู้นำทางการเมืองที่สร้างความเชื่อมั่น และยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน เพื่อปลดล็อกศักยภาพใหม่ มิฉะนั้นประเทศไทยจะยังคงวนเวียนอยู่ในวังวนเดิม โตช้า ไม่มั่นคง และถูกทิ้งห่างในภูมิภาคที่หลายประเทศกำลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว