นักการเมืองล่า ‘ผลประโยชน์’ ท่ามกลางประเทศ ‘วิกฤติ’

นักการเมืองล่า ‘ผลประโยชน์’ ท่ามกลางประเทศ ‘วิกฤติ’

การเมืองไทยตกอยู่ในวังวนของความไม่แน่นอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน

    คำตัดสินครั้งนี้ แม้เป็นที่ถกเถียงกันในสังคม แต่ผลลัพธ์ คือการเปลี่ยนขั้วการเมืองและสิ่งที่เห็น คือ ฉากเก่าๆ เกมแย่งชิงอำนาจ วิ่งขอตำแหน่ง ต่อรองผลประโยชน์ กลายเป็นภาพจำของนักการเมืองไทยที่ยากสลัดหลุด ภาพนักการเมืองวิ่งเข้าหาพรรคใหญ่ปรากฏต่อสาธารณะ ชวนให้รู้สึกทั้งสลดใจและสมเพช ในยามที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤติรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจถดถอย หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง ภาคส่งออกซบเซา ความเหลื่อมล้ำที่ฝังลึก ประชาชนกำลังรอรัฐบาลที่เข้มแข็งและมีวิสัยทัศน์ในการแก้โจทย์ยาก
    แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นการ “วิ่งเข้าหาอำนาจ” กันอย่างบ้าคลั่งของนักการเมืองไทย ราวกับการเมืองคือพื้นที่ต่อรองผลประโยชน์ส่วนตัว มากกว่าพื้นที่สร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวม เกมการจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ ไม่ใช่แค่การจับมือใครเพื่อเสียงข้างมากในสภา แต่คือบทพิสูจน์ว่านักการเมืองไทย จะหันมาสร้างกลไกแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจังได้แค่ไหน ไม่ใช่ภาพรัฐบาลที่เกิดจากการต่อรองตำแหน่งเก้าอี้ หรือการประนีประนอมเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง เพราะนั่นย่อมไม่ต่างจากการเพิ่มภาระให้ประเทศชาติ และซ้ำเติมความสิ้นหวังของประชาชน

    เศรษฐกิจไทยเวลานี้เปราะบางมากเกินกว่าจะใช้เป็นสนามแย่งชิงอำนาจ หนี้สาธารณะและงบประมาณขาดดุลรอวันปะทุ การลงทุนต่างชาติยังไม่มั่นใจ แรงงานไทยเผชิญความเสี่ยงจากการถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี การตั้งรัฐบาลจึงควรเริ่มต้นด้วย “แผนกู้เศรษฐกิจ” ที่ชัดเจน ต้องเป็นมาตรการระยะยาวที่สร้างขีดแข่งขัน และฟื้นความเชื่อมั่นทั้งภายในและภายนอกประเทศ แต่การเมืองแบบไทยๆ มักวนอยู่ในวังวน “ฟอกขาว” ให้นักการเมืองที่คดโกง การได้ตำแหน่งรัฐมนตรีหรือเข้าไปอยู่ในรัฐบาลจึงเป็นเหมือนเสื้อเกราะคุ้มกันดูยิ่งใหญ่มากกว่าภารกิจเพื่อรับใช้ชาติ เมื่อการเมืองถูกลดทอนเหลือเพียงเครื่องมือรักษาผลประโยชน์ส่วนบุคคล ภาระหนักในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจึงถูกผลักไปอยู่เบื้องหลังอย่างน่าเศร้า

    วันนี้ ประเทศไม่ได้ต้องการรัฐบาลที่เข้ามาเป็น ‘ตัวเหลือบกัดกินงบประมาณ’ หากแต่ต้องการ ‘ผู้นำ’ และทีมงานที่กล้าชนปัญหา เศรษฐกิจไทยกำลังต้องการการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ตั้งแต่ระบบการศึกษา การกระจายรายได้ ไปจนถึงการวางรากฐานเทคโนโลยีและนวัตกรรม หากการเมืองยังคงวนลูปในเกมแย่งชิงอำนาจ ประเทศชาติจะสูญเสียโอกาสสำคัญ เพราะสิ่งที่คนไทยรอคอย ไม่ใช่ภาพนักการเมืองวิ่งต่อรองเก้าอี้ จับมือกันแล้วถ่ายรูป แต่คือความหวังที่จะได้เห็นการเมืองแบบใหม่ การบริหารที่จริงจัง พาประเทศฝ่าพายุเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนที่รออยู่เบื้องหน้าได้อย่างเจ็บตัวน้อยที่สุด