‘เศรษฐกิจฝืด’ รัฐบาลต้องแก้ ก่อน ‘ไทยตกขบวนโลก’

‘เศรษฐกิจฝืด’ รัฐบาลต้องแก้ ก่อน ‘ไทยตกขบวนโลก’

พายุเศรษฐกิจพัดกระหน่ำโลกในทุกทิศทาง เศรษฐกิจไทยที่อืดช้าจนติด ‘กับดักเติบโตต่ำ’  กำลังเผชิญความเสี่ยงหลุดขบวนการแข่งขันโลก

หากรัฐบาลไม่เร่งมาตรการกระตุ้นอย่างจริงจัง ทั้งลงทุนภาครัฐ ดึงดูดเงินลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะการสร้าง ‘เสถียรภาพการเมือง’ ที่มั่นคงพอรองรับการตัดสินใจลงทุนระยะยาวของนักลงทุน

ปัญหา “ฝืดทั้งระบบ” กำลังลุกลามจากภาคการผลิต สู่การบริโภค และตลาดแรงงาน เป็นสัญญาณเตือนว่า หากไม่เร่งแก้ไข ไทยอาจถูกเมิน หรือ เผลอๆ อาจถูกด้อยค่าจากเวทีโลกก็เป็นได้

พลวัตรเศรษฐกิจโลกหมุนไม่รอใคร การแข่งขันดึงดูดการลงทุนระหว่างประเทศทวีความรุนแรง โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน เวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ต่างเดินหน้าเต็มสปีดในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายจูงใจเพื่อนำโรงงานและสำนักงานใหญ่ระดับโลกเข้ามาตั้งฐาน ขณะที่ไทยยังติดปัญหากฎระเบียบล่าช้า ระบบราชการซับซ้อน และสัญญาณความไม่แน่นอนทางการเมือง การแก้โจทย์นี้ต้องอาศัยการปฏิรูประบบภาครัฐ ลดขั้นตอนอนุมัติ และสร้าง “ความมั่นใจ” ที่ชัดเจน
    
หันไปมองด้าน ‘ภูมิรัฐศาสตร์’ ความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐและจีน ยังคงส่งแรงกระเพื่อมผ่านมาตรการกีดกันทางการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐในยุคทรัมป์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก กระทบห่วงโซ่อุปทานของไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ประเทศไทยต้องอย่า ‘ช้า’ แต่ควรเร่งปรับยุทธศาสตร์การค้า หาตลาดใหม่ เสริมความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และใช้โอกาสจากการเป็นจุดเชื่อมโยงโลจิสติกส์ในอาเซียนให้เต็มที่
    
อีกด้านหนึ่งที่สร้างความน่ากังวลมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา คือ สถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา แม้เราจะบรรลุข้อตกลง GBC ไปแล้ว แต่สถานการณ์นี้ก็ยังคงเป็น ‘ตัวถ่วง’ บรรยากาศการลงทุนและการค้าชายแดน ความไม่ชัดเจนในการแก้ปัญหาทางการทูต อาจเปิดช่องให้ประเทศคู่แข่งดึงโอกาสไปต่อหน้าต่อตา ไทยจึงต้องเร่งใช้เครื่องมือทางการทูต เศรษฐกิจ และความร่วมมือข้ามพรมแดน เพื่อสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค และเสริมภาพลักษณ์ความเป็น “ประตูการค้า” ของอาเซียน
    
นอกจากการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจปัจจุบัน ไทยยังต้องมองไกลถึงการยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว โดยเน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรืออนาคตของโลก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสีเขียว ดิจิทัล และนวัตกรรม พร้อมพัฒนาทักษะแรงงานให้ทันสมัย สร้างระบบภาษีและสิทธิประโยชน์ที่เอื้อต่อการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างจริงจัง และเข้มข้นจะช่วยให้ไทยขยับจาก “ผู้ผลิต” ไปสู่ “ผู้คิดค้น” ได้ในอนาคต (แม้ฟังดูแล้วจะยากมากก็ตาม) 
    
ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันอย่างดุเดือด ‘ความล่าช้า’ เท่ากับ ‘การถอยหลัง’ รัฐบาลไทยต้องเลือกว่าจะเป็น ‘คนเล่น’ เอง หรือเป็นเพียงคน ‘วิ่งตาม’ บนเวทีเศรษฐกิจโลก การสร้างเสถียรภาพทางการเมืองอย่างจริงจัง จัดการความขัดแย้งภายในและภายนอกประเทศให้ได้ ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก คือ ‘ทางรอดเดียว’ ที่จะทำให้ไทยไม่ถูกทิ้ง หรือถูกด้อยค่าไร้คนเหลียวแล