ไทยเจรจาสหรัฐยังไม่ชัดที่ชัดแล้วเตรียมกู้ 5 แสนล้าน

ไทยเจรจาสหรัฐยังไม่ชัดที่ชัดแล้วเตรียมกู้ 5 แสนล้าน

การเจรจาระหว่างไทย และสหรัฐเพื่อต่อรองการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่ม 36% ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า จะมีการเจรจากันในวันที่ 23 เม.ย.2568 โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเป็นหัวหน้าคณะเจรจาของฝ่ายไทย แต่การประสานงานของรัฐบาลไม่เรียบร้อย ทำให้การนัดหมายคลาดเคลื่อน และนำมาสู่การไร้ความชัดเจนในปัจจุบัน

สถานการณ์ส่งออก ไตรมาส 1 ปี 2568 ขยายตัวถึง 15.2% ในขณะที่การส่งออกไปสหรัฐในเดือนมี.ค.2568 ขยายตัวถึง 34.3% จากการเร่งสั่งซื้อสินค้าก่อนที่ไทยจะถูกสหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่ม 36% ในวันที่ 2 เม.ย.2568 แต่มีการประกาศเลื่อนการบังคับใช้ออกไป 90 วัน การส่งออกไตรมาส 1 ที่ขยายตัวสูงเป็นการขยายตัวชั่วคราว โดยการส่งออกไตรมาส 3-4 มีแนวโน้มลดลง ซึ่งขณะนี้เริ่มเจรจาคำสั่งซื้อสำหรับส่งมอบสินค้าในไตรมาส 3 แล้วทำให้ผู้ส่งออกเห็นสัญญาณการชะลอตัว

ในขณะที่การท่องเที่ยวกำลังน่าเป็นห่วงเมื่อสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวออกมาประเมินสถานการณ์ตลาดจีนเที่ยวไทยเหมือนอยู่ห้องไอซียู ซึ่งต่างจากช่วงโควิด-19 ระบาด เพราะตอนนั้นออกเดินทางไปไหนไม่ได้ แต่ปัจจุบันเดินทางได้แต่นักท่องเที่ยวจีนไม่มาไทย ถึงแม้จะมีการขายทัวร์ไฟไหม้ลดราคาพิเศษแล้วแต่ยังไม่มาเที่ยวไทย ซึ่งทำให้ในเดือนมี.ค.2568 เป็นครั้งแรกที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยน้อยกว่านักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเวียดนาม

รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาชี้แจงหลังจากการเลื่อนเจรจากับสหรัฐว่าสาเหตุการเลื่อนเจรจาเพราะขอรอดูสถานการณ์ก่อน เพื่อศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ โดยไม่ต้องการไปเจรจาแบบไม่เตรียมตัวให้รอบด้าน แต่ได้ส่งทีมล่วงหน้าไปทำงานร่วมกับคณะทำงานของสหรัฐเพื่อปรับจูนหลายเรื่องให้เข้าใจตรงกัน รวมทั้งต้องการดูประเทศที่ไปเจรจาก่อนหรือหัวขบวนได้ผลอย่างไร รวมถึงประเทศกลางขบวนโดนอะไร และไทยอยู่กลางๆ เกือบท้ายจะได้รู้ว่าควรทำอย่างไร

ความชัดเจนของการเจรจายังไม่มี แต่ที่ชัดเจนแล้วคือ รัฐบาลมีแผนที่จะออกกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อรับมือผลกระทบจากสงครามการค้า วงเงิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลัง ประเมินว่าหากรัฐบาลกู้เงินเพิ่มอีก 500,000 ล้านบาท จะกระทบหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพิ่ม 3% เศษ โดยปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ 64.21% ดังนั้นรัฐบาลจึงได้เตรียมพร้อมกู้เงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจ และน่าจะเป็นประเทศลำดับต้นที่มีการกู้เงินเพื่อรับมือกับผลกระทบจากสงครามการค้า

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์