ดีเดย์ ‘วันปลดแอก’ โลกป่วน ไทยกระอัก?

ดีเดย์ ‘วันปลดแอก’ โลกป่วน ไทยกระอัก?

วันนี้ (2 เม.ย.) ทุกอย่างคงชัดเจนว่าประเทศไหนจะโดน “สหรัฐ” เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มบ้าง เพราะประธานาธิบดีสหรัฐ​ โดนัลด์ ทรัมป์​ ประกาศชัดเจนว่า วันที่ 2 เม.ย.นี้ จะเป็นวันปลดปล่อยประเทศ (Liberation Day)

เขาจะทวงความมั่งคั่งบางส่วนที่เคยเสียไปกลับคืนมาสู่สหรัฐ …ดังนั้นในวันนี้เราคงรู้กันว่า ประเทศใดบ้างที่จะตกเป็นเป้าหมายของสงครามการค้าในรอบนี้ ที่สำคัญ “ไทย” ซึ่งเริ่มถูกพูดถึงในระยะหลังมากขึ้น จะกลายเป็นเหยื่อด้วยหรือไม่ 

โดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำว่า เขาจะกำหนดภาษีตอบโต้ในวงกว้างโดยเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแต่ละประเทศในอัตราที่คำนวณจาก “อัตราภาษี” และ “อุปสรรคทางการค้า” ที่ไม่ใช่ภาษีของประเทศนั้นๆ สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะเขาต้องการปกป้องอุตสาหกรรมหลักในสหรัฐ

ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ เหล็ก อะลูมิเนียม ไมโครโปรเซสเซอร์ และเวชภัณฑ์ โดย “ทรัมป์” คาดการณ์ว่า ภาษีศุลกากรที่เกิดขึ้นจะทำให้เงินในคลังของสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ช่วยแก้ปัญหาขาดดุลการค้าที่เรื้อรังมายาวนานได้ เขายังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมาสหรัฐถูกประเทศอื่นเอาเปรียบมาโดยตลอด

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้แสดงความเห็นโดยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ โดยเฉพาะประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นมี “ประเทศไทย” รวมอยู่ด้วย ส่วนประเทศที่เหลือได้แก่ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา จีน สหภาพยุโรป อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน สหราชอาณาจักร และ เวียดนาม ซึ่งทั้งหมดนี้ USTR คาดว่าจะครอบคลุมการค้าในสินค้าทั้งหมดกับสหรัฐ 88% 

ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “ทรัมป์” เพิ่งสร้างปรากฏการณ์ “ช็อกโลก” อีกครั้งด้วยการสั่งเก็บภาษีศุลกากร 25% กับรถยนต์ทุกชนิดที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐ โดยเริ่มเก็บในวันที่ 3 เม.ย.2568 ขณะที่ทางการสหรัฐคาดการณ์ว่า การเรียกเก็บภาษีดังกล่าวจะช่วยให้สหรัฐมีรายได้เพิ่มราว 1 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3 ล้านล้านบาท ส่วนประเทศที่คาดว่าจะโดนผลกระทบหนัก คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา เยอรมนี ซึ่งปัจจุบันแต่ละประเทศเริ่มหาวิธีการรับมือกันแล้ว

โดยทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงน้ำจิ้มก่อนถึงวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่ทรัมป์ประกาศ  “ปลดแอก” เรายังต้องจับตาดูว่า ใครบ้างที่จะถูกกำแพงภาษีรอบใหม่

อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนแล้ว คือ หลังจากนี้เศรษฐกิจโลกจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแน่นอน ปริมาณการค้าโลกย่อมหดตัวลงตามความสูงและความกว้างของกำแพงภาษีที่สหรัฐตั้งขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศ ขณะที่ “ไทย” พึ่งพาการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนราว 60-70% ของจีดีพี ที่สำคัญการส่งออกที่ว่านี้ยังพึ่งพาสหรัฐถึง 18% ของการส่งออกทั้งหมด ดังนั้นถ้าไทยถูกตั้งกำแพงภาษีด้วย มีโอกาสสูงที่เราจะเผชิญปัญหาเศรษฐกิจระลอกใหม่อย่างแน่นอน