‘ศก.โต 3%’ พอใจไหม แล้วเราต้องทำอะไรเพิ่มบ้าง?

รัฐบาลหมายมั่นปั้นมือว่า ‘เศรษฐกิจไทย’ ปีนี้อย่างน้อยต้องเติบโตไม่ต่ำกว่า 3% ขึ้นไป และยังแอบหวังลึกๆ ด้วยว่าอาจโตได้ถึง 3.5%
...แต่คนฟังทั่วไปอย่างเราๆ คงมีคำถามเหมือนกันว่า เราจะโตจากไหน โตจากอะไร เพราะมองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยดูมัวหมองยิ่งกว่าฝุ่น PM 2.5 ที่ปกคลุมประเทศไทยอีก ขนาดแบงก์พาณิชย์ยังไม่กล้าตั้งเป้าหมายสินเชื่อใหม่เลย มีแต่บอกว่าจะรักษาระดับ ‘หนี้เสีย’ ไม่ให้เกินกว่าที่เป็นอยู่มากนัก
เมื่อไม่นานมานี้ผู้บริหารกระทรวงการคลัง ‘พรชัย ฐีระเวช’ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวไทยว่า เป้าหมายจีดีพีโต 3% จะมาจากการขับเคลื่อนผ่าน 5 เรื่องหลัก คือ
1.การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายด้านการลงทุน 2.การติดตามและหาแนวทางจูงใจให้มีการนำเงินที่รัฐจะแจกในเฟสที่ 3 ไปใช้จ่ายเพื่อสร้างการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ 3.เร่งรัดการลงทุนโครงการบ้านเพื่อคนไทย เพื่อให้เกิดการลงทุนตามแผนงาน 4.กระตุ้นการท่องเที่ยวในภาพรวม ซึ่งช่วงปลายปีประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ด้วย 5.เร่งรัดโครงการลงทุนของภาคเอกชนหลังได้รับการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว
แต่ในใกล้เคียงเดียวกัน ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ‘เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ’ กลับให้สัมภาษณ์กับนักข่าวต่างประเทศว่า เป้าหมาย 3% ที่รัฐบาลตั้งไว้ดูจะมีความเป็นไปได้น้อยมาก ซึ่งตัวเขามองว่า การเติบโตอาจต่ำกว่า 2.9% ด้วยซ้ำ เพราะเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 2567 ขยายตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ โดยเป็นผลจากการบริโภคที่ลดลงแม้ว่ารัฐบาลจะใช้นโยบายแจกเงินเพื่อกระตุ้นการขยายตัวที่ดูจะซบเซาก็ตาม ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ยังบอกด้วยว่า เงินช่วยเหลือที่รัฐบาลแจกออกไป บางส่วนถูกนำไปชำระคืนหนี้ จึงไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงในด้านการบริโภค
ฟังแบบนี้ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี ยังไงก็ตามอย่างน้อยเราเห็นความพยายามของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ ‘จีดีพี’ ไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้ แต่อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น หนทางข้างหน้าของเศรษฐกิจไทยดูมัวหมองอย่างมาก แม้แต่สำนักวิจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ ยังไม่กล้าคาดหวังว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้มากกว่า 3% เพราะมีปัจจัยเสี่ยงรอต้อนรับอยู่อีกมาก
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธุรกิจของ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) แสดงความเป็นห่วงว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีสัญญาณการชะลอตัวลงค่อนข้างชัด โดยเฉพาะจากมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐ ที่จะมีผลต่อการค้าโลกอย่างรุนแรง ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเริ่มทยอยหมดลง ส่วนเครื่องไม้เครื่องมือที่จะนำมากระตุ้นเพิ่มก็มีข้อจำกัดสูง คำถามคือ แล้วรัฐบาลยังจะมีกำลังเพียงพอในการดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตตามเป้าได้หรือไม่ ...แต่ที่อยากชวนคิดเพิ่มเติม แล้วภาคเอกชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จะมีส่วนช่วยผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยได้อย่างไรบ้าง? หรือเราจะก้มหน้าก้มตายอมรับสภาพการเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตล้าหลังในอาเซียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ