‘แพทองธาร’พร้อมแค่ไหน รับมือนโยบายทรัมป์ป่วนโลก

นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 ในวันที่ 20 ม.ค.2568 หลังจากที่ชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อเดือน พ.ย.2567 เป็นการยุติบทบาทผู้นำสหรัฐของนายโจ ไบเดน ไว้ที่ 1 สมัย
และเป็นการหวนกลับเข้าทำหน้าที่ผู้นำสหรัฐอีกครั้งของทรัมป์ หลังจากที่เคยทำหน้าที่นี้ระหว่างปี 2560-2564 ซึ่งสร้างผลงานระดับสะเทือนโลกด้วยการประกาศสงครามการค้ากับจีนที่มีผลต่อเศรษฐกิจและการค้าโลก
รัฐบาลหลายประเทศได้มีการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อวางแผนรับมือผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งการที่สหรัฐประกาศที่จะขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศส่งผลให้บางประเทศเตรียมการตอบโต้สหรัฐ โดยจีนอาจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มที่ขาดดุลการค้าสหรัฐ เช่น ถั่วเหลือง รวมถึงอาจตอบโต้ด้วยการห้ามนำเข้าสินค้าบางชนิดจากสหรัฐ รวมถึงจากกำหนดนโยบายหน่วยอ่อนค่าเพื่อลดผลกระทบการส่งออก
ในขณะที่บางประเทศมีแผนที่จะปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐในอัตราที่ใกล้เคียงกับที่สหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าเพื่อเป็นการตอบโต้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวทางการตอบโต้ดังกล่าวจะมีผลต่อการค้าและเศรษฐกิจโลก ที่อาจทำให้ความต้องการสินค้าลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งอาจทำให้บางประเทศหลังจากนี้จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสงครามการค้าที่กระทบเศรษฐกิจภายในประเทศ
ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงถูกสหรัฐจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้า เพราะไทยได้ดุลการค้าสหรัฐต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2567 ไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐ 52,470 ล้านดอลลาร์ ได้ดุลการค้าสหรัฐ 37,730 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจำเป็นที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะต้องวางแผนรับมือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะในด้านการค้าที่อาจถูกนโยบายการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า ถึงแม้ว่าไทยอาจจะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตตามที่หน่วยงานภาครัฐกล่าวอ้าง
รัฐบาลไทยจำเป็นต้องมีการเจรจากับสหรัฐเพื่อชี้แจงถึงการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะในด้านการส่งออกที่ไทยดำเนินการตามกติกาการค้าเสรี รวมถึงการส่งออกสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมให้กับสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องใช้กลไกการเจรจาที่ครอบคลุมทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนการค้าไทยและภาคเอกชน โดยการเจรจาจำเป็นต้องดำเนินการทั้งในรูปแบบทางการและไม่เป็นทางการ เพื่อแก้ข้อกล่าวหาที่ระบุถึงการได้เปรียบทางการค้าของประเทศไทย