CEO จะไร้มูลค่า ถ้าไม่สามารถปั้นตัวเลขให้ถูกใจ!?

CEO จะไร้มูลค่า ถ้าไม่สามารถปั้นตัวเลขให้ถูกใจ!?

จะเป็นเจ้าของกิจการที่ขยายธุรกิจแบบไม่เครียด ที่บริษัทไม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หรือจะเปลี่ยนสถานภาพเป็นผู้บริหารที่ถือหุ้นลดลง และต้อง ปั่นและปั้นตัวเลข ตลอดเวลา

Part 1.เรื่องดีๆของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์

การมีบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นการ เปิดและขยายโอกาสทั้งทางด้านการเงิน และทางด้านธุรกิจได้อีกมหาศาล ถ้าจะขยับยายไม่ว่าจะขยายในประเทศและรุกไปต่างประเทศ

บริษัทใหญ่ๆที่มีธรรมาภิบาลที่ดี เป็นตัวอย่างที่ดีมีมากมายให้ศึกษาเรียนรู้ ที่มุ่งการเติบโตแบบยั่งยืน 

ไม่ได้มุ่งการเติบโตแบบหวือหวา

เพราะฉะนั้น ธุรกิจใหญ่ๆทุกธุรกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มานาน ไม่มีอะไรน่ากังวลมากนัก

ส่วนมากเรื่องที่น่ากังวลจะเกิดกับ ธุรกิจขนาดกลาง บางธุรกิจที่เกิดการปั่นตัวเลขจนเเป็นข่าว 

กลายเป็นนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อ “ลักทรัพย์” ผู้ลงทุน กอบโกยเงินแล้วเผ่นไปต่างประเทศ และกลายเป็นตัวทำลายความน่าเชื่อถือของธุรกิจขนาดกลางอื่นๆที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มากกว่า

Part.2.เรื่องที่น่าคิด

ในขณะที่บริษัทขนาดกลาง โดยเฉพาะบริษัทน้องใหม่ไฟแรงในธุรกิจต่างๆเช่นธุรกิจอาหารหรืออื่นๆ ที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็สามารถใช้ตลาดหลักทรัพย์ต่อยอดทั้งการเงินและโอกาสในการขยายหรือ

แตกธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน เพื่อผสานผนึกสร้างรายได้ให้มากขึ้นเร็วขึ้น

ส่วนมากธุรกิจน้องใหม่ไฟแรง หรือธุรกิจอื่นขนาดกลางที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มาระยะนึง ต่างก็มุ่งมั่นที่จะเป็นธุรกิจที่ดี

แต่ถ้าไม่คุ้นชินกับการที่ต้อง ปั้นยอดขาย เพื่อปั่นมูลค่าหุ้นให้ดูดี ชีวิตจะเหนื่อยกว่าที่เป็นมา...

Part.3.อีกมุมนึงของผู้บริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์....

เคยมีCEO หลายคนเปรยๆให้ฟังว่า มีความแตกต่างอย่างมาก ระหว่างตอนเป็นเจ้าของธุรกิจที่ถือหุ้นใหญ่หรือเป็นผู้ก่อตั้ง แต่เมื่อมีบริษัทขนาดใหญ่มาร่วมทุนและพาเข้าตลาดหลักทรัพย์ ชีวิตก็แทบจะเปลี่ยนไปเลย! ด้านที่ดีก็มีเยอะ ได้เรียนรู้ระบบต่างๆ การบริหารจัดการของบริษัทใหญ่ๆ

การวางแผน การกำหนดกลยุทธ์ต่างๆ แต่....

Part.4.ทุกอย่างที่ทำหลังจากบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์...

จากเดิม ทุกอย่างที่ทำ ทำด้วย Passion ทำด้วยความสนุก ทำด้วยความสุข ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ไม่รู้สึกล้า แค่พักก็หายเหนื่อย

แต่ทุกวันนี้ ทำเพื่อรักษามูลค่าหรือเพิ่มมูลค่าหุ้น ทำเพื่อให้ตัวเลขยอดขาย “ต้องดีขึ้นตลอด” ทำเพื่อขยายสาขา เพื่อเพิ่มยอดขาย และยังมีผู้บริหาร มีบอร์ดคอยกระตุ่น คอยกำกับ อย่าให้ตัวเลขรายได้และกำไรลดลง เพราะจะมีผลต่อมูลค่าหุ้นถึงวันนี้ ไม่แน่ใจว่าผู้บริหารท่านนี้และอีกหลายๆท่าน ที่เผชิญสถานการณ์แบบนี้ คิดและรู้สึก

อย่างไร ระหว่างเป็นเจ้าของธุรกิจนอกตลาดหลักทรัพย์ กับ เป็นผู้บริหารธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น หรือเครียดมากขึ้น

ในขณะที่เจ้าของธุรกิจที่นำบริษัทเข้าตลาด แต่ไม่ได้ให้คนนอกมาเป็นบอร์ดหรือคณะกรรมการใช้ญาติพี่น้อง คนสนิทเป็นจะไม่เครียดในประเด็นนี้ แต่อย่าลืม เมื่อบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ตัวเลขรายได้และกำไรห้ามลดลง ยังคงต้องปั่นตัวเลขเหมือนทุกบริษัทที่อยู่ในตลาดเช่นกัน

Part.5.ชีวิต CEO ที่ต้องปั้นตัวเลขรายได้บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์

ในสภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงต่อเนื่อง มีบางธุรกิจยังไปได้ดี แต่ส่วนมากจะเหนื่อยไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน การเพิ่มรายได้ไม่ง่าย แต่อย่างที่ย้ำไปหลายครั้ง นักวิเคราะห์และผู้ลงทุน ถึงจะรับรู้สภาวะเศรษฐกิจ

เป็นแบบนี้ แต่ด็ต้องการเห็นตัวเลข รายได้และกำไรที่ดี จะได้เกิดผลดีกับหุ้นที่ลงทุนไว้หลายบริษัท CEO นอกจากจะต้องเครียด เตรียมข้อมูล กลบุทธ์และแผน ในการเพิ่มรายได้ที่ต้องตอบคำถามบอร์ดแล้ว / ยังคงต้องเตรียม Story เรื่องราวที่น่าสนใจ (ที่มักจะไม่เกิดขึ้นจริงในอนาคต). เพื่อตอบคำถามผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่ รายย่อย และผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจ รวมทั้งนักลงทุนสถาบันต่างๆ

เรียกว่า ชีวิต ผู้บริหารบริษัทขนาดกลาง ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่บางราย หายใจเข้าออกต้องลุ้นมูลค่าหุ้นทุกวัน ถ้าหุ้นตกวันไหน ความดันขึ้นวันนั้น!เรื่องตลกที่ขำไม่ออกของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ก็คือ ในขณะที่ พยายามหารายได้ ประหยัดค่าใช้จ่ายสุดชีวิต แต่เมื่อเจอวิกฤติ ผลกระทบ จากต่างประเทศ หรือในประเทศ มูลค่าบริษัท สามารถหายวับไปหลักร้อย หลักพัน หรือหลักหมื่นล้านได้ในทันที!

Part.6.แล้วแต่ความชอบ..

ใครที่ชอบมีชีวิตเร้าใจ แขวนไว้กับตัวเลขในตลาดหุ้น ก็คงสนุกกับการเป็นผู้บริหารธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ แต่ถ้าใครคิดว่า น่าจะมีโอกาสในการขยายธุรกิจ หรือเพิ่มทุนด้วยวิธีอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเพิ่มความเครียดให้กับตนเอง เพราะที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันก็เครียดอยู่แล้ว

คงจะได้คำตอบว่า จะเป็นเจ้าของกิจการที่ขยายธุรกิจแบบไม่เครียด ที่บริษัทไม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หรือจะเปลี่ยนสถานภาพเป็นผู้บริหารที่ถือหุ้นลดลง และต้อง ปั่นและปั้นตัวเลข ตลอดเวลา ..... แบบไหนคุ้มกับเวลาของชีวิตที่เหลือครับ!