อะไรที่จะ 'ทำลาย' ผู้ประกอบการไทยมากกว่า ระหว่าง....!?

อย่าสติแตกเรื่องภายนอก เรื่องที่น่ากลัวกว่าคือเรื่อง “เทาๆ” และ “ทุกข์” ในหลายๆ เรื่อง
Part.1. อย่าแตกตื่นกับข่าวและการวิเคราะห์ เรื่อง ทรัมป์ ป่วนโลก... มากเกินไป
ข่าว “ทรัมป์” รายวัน มันเป็นเกมส์ของสุดยอดนักธุรกิจ นักเจรจาต่อรอง และเป็นนักการเมืองที่เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองเป็นเรื่องของ เด็กโข่งเกเร ยักษ์ชนยักษ์ มีผลกระทบมั๊ย มี แต่อย่าสติแตก!
เรื่องที่ทรัมป์ป่าวประกาศรายวัน ยังไม่ได้มีข้อสรุปในทุกเรื่อง อาจมีแนวโน้มบางเรื่องที่กระทบกับธุรกิจของท่านตรงๆ คงต้องเตรียมต้องปรับ แต่ก่อนปรับ ควรทำความเข้าใจ นิ่ง ไม่ใช่ปรับแบบขี้ตกใจ
ที่น่าเป็นห่วงคือ การตระหนกใจเพราะติดตามข่าว เจอนักวิเคราะห์รายวันแต่ละท่าน เจอข่าวทรัมป์รายวันอ่าน ฟังจบอยากกินยาแก้ปวดแทนข้าว
ถ้าตั้งสติดีๆ จะเห็นความไม่แน่นอน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของทรัมป์ ที่ไม่นิ่ง แต่ตีฆ้องร้องป่าวเพื่อขู่ เพื่อเรียกมาเจรจาต่อรอง แต่สำหรับประเทศใหญ่ที่มีศักยภาพใกล้เคียงกันเช่นจีน รัสเซีย
ทรัมป์ทำได้แค่ขู่มากกว่าเอาจริง โดยเฉพาะจีน ที่ “แข็ง” ไม่หมูอย่างที่ทรัมป์ขู่แล้วยกเลิกจนเสียหน้า
สรุป เรื่องทรัมป์ส่งผลทางเศรษฐกิจและธุรกิจ แต่ไม่ต้องแตกตื่นจนเกินไป
คงจำกันได้ ปีที่แล้วถ้าไม่เรียนรู้ ไม่พูดถึง ไม่ทดลองใช้ Chat GPT ของหลายๆค่าย จะรู้สึกตกกระแส
ได้ยินได้ฟังเรื่องนี้จนเอียน เพราะถ้าไม่เห่อ ไม่ตามกระแส ไม่โหนกระแส ย่อมไม่ใช่คนไทยไง!
เพราะเรื่องที่ใหญ่กว่า ทรัมป์ ที่เซาะกร่อนบ่อนทำลายประเทศลงทุกวัน กลับไม่ค่อยมีใครออกมาโวย
มากระตุ้น ( มีเพียงส่วนน้อยมาก)
Part.2. เรื่องที่ควร ตระหนักมากกว่า น่าจะเป็นเรื่อง “เทาๆ” ในประเทศเราเอง เพราะ
“เทา”..ที่มีมาเนิ่นนาน คือเทาจากการคอรัปชั่นตั้งแต่หน่วยงานในท้องถิ่นระดับตำบล อำเภอ จังหวัด จนถึงระดับชาติโดยเฉพาะนักการเมืองไม่ว่ารัฐบาลจะมาจากประชาธิปไตยหรือรัฐประหาร
ไม่ได้หมายความว่า เจ้าหน้าที่ ราชการทุกคนเทา และคอรัปชั่น ส่วนมากเป็นคนดี แต่เจอการคอรัปชั่นที่ฝังรากลึกมานาน จนคนในประเทศชินชา จะโกงจะกินไม่เป็นไรขอให้แจกเงิน ลดหนี้ก็ชื่นใจ!
และมองเป็นเรื่องธรรมดาที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการธุรกรรมด้วยซ้ำ(สำหรับพ่อค้าและชาวบ้านทั่วๆไป)
จากเทาคอรัปชั่นที่มีมานาน ส่งผลต่อเมืองท่องเที่ยวในไทย พัทยา มีมาเฟียรัสเซียมานานเป็นสิบๆปี ดูแลแทบทุกอย่าง ทางใต้ ภูเก็ตและกระบี่ก็มีทั้งมาเฟียรัสเซีย และประเทศอื่นๆ รวมทั้งจีนเทาที่พยายามเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ทางเหนือเมืองท่องเที่ยว จีนเทายึดเมืองไปนานแล้ว แต่ทุกรัฐบาลและเจ้าหน้าที่บ้านเรา เหมือนไม่รับรู้ หรือรับอะไรไปเต็มๆจนอิ่ม เลยปล่อยปละไม่รับรู้ รับแต่อย่างอื่น!
ส่วนเมืองอุตสาหกรรมอย่าง จ.ระยอง มองดูแล้ว น่าจะกลายเป็นเมืองของจีนเทาไปกว่าครึ่งในแง่ของอุตสาหกรรม
ส่วนกรุงเทพน่ะหรือครับ จีนเทายึดครองมานานแล้ว ตำรวจรู้หรือไม่? ถ้าไม่รู้แปลก ที่แปลกกว่าคือรู้แล้ว ทำไมปล่อยปละละเลยนี่ยังไม่รวมในโลกธุรกิจที่บรรดาการค้าการขายถูกจีนที่ไม่เทา และเทากินรวบทั้งทาง Online และ Offline เหมือนที่หลายๆคนยอมรับสภาพว่า ประเทศไทยคือ มณฑลไท่กั๋ว เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน!
(ดูง่ายๆ แก๊งค์ คอล เซ็นเตอร์ที่ฝังรากลึกหากินบนประเทศเพื่อนบ้านสร้างความเดือดร้อนให้คนไทยมานานและลามไปถึงประเทศจีน) จนทางการจีนส่งเจ้าหน้าที่มาประเทศไทย ไม่กี่วันเรื่องนี้ถูกปราบอย่างจริงจัง แต่รัฐบาลที่ผ่านๆมาจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ปล่อยปละละเลยมาเป็นสิบๆปีได้ยังไง!?)
Part.3.จาก ทรัมป์ และ เทา สู่ ทุกข์ ของผู้ประกอบการ
“ทุกข์” ของผู้ประกอบการที่ไม่ใช่รายใหญ่ แต่เป็นขนาดกลางลงมา และขนาดเล็ก คือเรื่องของ “ทุน” โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่กระแสเงินสดเหลือไม่มาก จะกู้ธนาคารก็ยากมาก กู้นอกระบบก็มีแต่รอวันเจ๊ง
ทางแก้ระยะสั้นที่บางที่ทำแล้วช่วยได้คือ ทรัพย์สินอะไรที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ ก็ขายซะ อย่าไปเสียดายหรือกลัวเสียหน้า บางครั้ง เสียหน้าบ้างดีกว่าเสียธุรกิจนะครับ
“ทุกข์” ของผู้ประกอบการเรื่องถัดมาคือ “เทคโนโลยี” ที่บางครั้ง ผู้ประกอบการ เสพข้อมูลมากจนอด “เห่อ” ไม่ได้ว่าต้องลงทุนเทคโนโลยีในเรื่องนี้ ธุรกิจถึงจะรอดเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ช่วยให้ธุรกิจรอด บางครั้งเป็นตัวฉุดรั้งดูดเงินไปลงทุนกับเทคโนโลยี
จนแทบไม่เหลือเงินไปพัฒนา สินค้า บริการ ทีมงาน
“ทุกข์” ของผู้ประกอบการเรื่องถัดมาคือ “ทีม” เรื่องที่น่าสนใจในเรื่องทีมยุคปัจจุบันคือ ความขยันของทีมเราที่เป็นคนไทย ขยันสู้คนจีนได้หรือไม่? ตอบได้เลยว่ายังห่างชั้น แล้วถ้าเทียบกับคนเวียตนามล่ะ เอาตรงๆคนของเราส่วนมาก “รักสบาย และ ขี้เกียจ” กว่าคนเวียตนามเยอะ! หวังว่าถ้าไปเทียบกับแรงงานพม่าแล้ว ความขยันของแรงงานไทยยังสู้ได้ หรือแรงงานพม่าขยันกว่ามานานแล้ว!?
Part.4.ทางออกมีหรือไม่?
คงต้องใช้ “วิชาตัวเบา” คือไม่ตามข่าว ข้อมูลมากเกินจนแบกโลก ทุกข์ทำให้ท้อตั้งแต่ยังไม่ได้สู้ข่าวสาร ข้อมูล ให้ตามอย่างใช้ สติและปัญญาวิชาตัวเบาเรื่องถัดมาคือ การเงิน (จริงๆไม่ต้องบอกทุกท่านก็ประหยัดกันสายตัวแทบขาดอยู่แล้ว) แต่ประเด็นคือ ต้องประหยัดให้ถูกเรื่อง และต้องลงทุนในเรื่องที่จะช่วยให้ธุรกิจรอดวิชาตัวเบาเรื่องถัดมาคือ “ขายในสิ่งที่ไม่จำเป็น” (อย่างที่ได้กล่าวแล้วใน Part.3)
วิชาตัวเบา เรื่องสุดท้ายคือ ทีมงานที่มีในปัจจุบัน ต้องต้องต้องเสริมทักษะในเรื่องใดบ้าง ไม่ใช่ต้องเติมต้องเสริมทักษะหรือไม่!?
สรุป... อย่าสติแตกเรื่องภายนอก เรื่องที่น่ากลัวกว่าคือเรื่อง “เทาๆ”และ“ทุกข์”ในหลายๆเรื่อง ลองดูนะครับจะใช้วิชาตัวเบาปรับแก้อะไรได้บ้าง คิดอย่างมีสติ ปัญญาจะเกิดครับ.







