“การบินไทย” อนาคตที่ต้องเลือก

จับตา "การบินไทย" กับความท้าทายที่จะต้องปรับตัวครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อความภูมิใจในความเป็น "สายการบินแห่งชาติ" ไม่ใช่เรื่องหลักอีกต่อไป
เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธกระแสข่าวคณะผู้บริหารแผน "ฟื้นฟูการบินไทย" เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อขอให้ "แก้ไขแผนฟื้นฟูการบินไทย"
นายปิยสวัสด์ ยืนยันเป็นการเข้ารายงานสถานะทางการเงินและภาพรวม เพื่อให้รัฐบาลตัดสินใจ เนื่องจากเดิมทีจะมีเงินจากรัฐและเอกชนรวม 5 หมื่นล้านบาท แต่สถานการณ์การบินไทยล่าสุด 2.5 หมื่นล้านบาทจากเอกชนก็เพียงพอแล้ว การเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นการรายงานเพื่อทราบ เพื่อให้รัฐมีทางเลือก อาจจะแปลงหนี้เป็นทุน หรือจะปล่อยไป เพราะสิ่งที่จะตามมาจากตัวเลข 2.5 หมื่นล้านของเอกชน สัดส่วนการถือหุ้นของรัฐจะลดลงจาก 48% เหลือเพียง 8%
สำหรับที่มาของเงินทุนที่ลดลงเหลือเพียง 2.5 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากแผนบริหารภาพคล่องได้ผลดี ขณะที่แนวโน้มรายรับเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์จากนี้ไป ด้วยความที่การบินไทยเป็นสายการบินแห่งชาติ หากมีความเคลื่อนไหวจะเป็นที่สนใจของประชาชน ยิ่งมีข่าวจะการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง คนไทยยิ่งเฝ้าติดตาม
ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกมีการเติบโตสูง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่จากภาครัฐไปเป็นเอกชน รวมถึงการเกิดขึ้นของ "สายการบินต้นทุนต่ำ" (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด
การเข้ามาของเอกชนไม่เพียงทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น เป็นประโยชน์กับรัฐที่ไม่ต้องแบกรับภาระการขาดทุน "สายการบินแห่งชาติ" รายไหนที่ไม่เปลี่ยนแปลงจะได้รับผลกระทบในขีดความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง การอยู่รอดเป็นเรื่องอยาก เพราะไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเทรนด์ใหม่ที่อาศัยเทคโนโลยี ไม่เว้นการจองที่นั่งและการอำนวยความสะดวกบนเครื่อง
วันนี้ หากการบินไทยจะต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ คงไม่เกินความคาดหมาย และหากรัฐบาลเห็นด้วยก็ต้องสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อลดภาระรัฐในการให้งบประมาณช่วยเหลือการบินไทยซ้ำรอยที่ผ่านมา
โลกอนาคตการแข่งขันสายการบิน ไม่จำเป็นต้องเป็นสัญลักษณ์หรือแบรนด์แอมบาสเดอร์ของประเทศ แม้ปัจจุบันจะมีสายการบินแห่งชาติที่ยังสามารถเติบโตและอยู่รอดในอุตสาหกรรมดังกล่าวแต่ก็มีเพียง 2-3 ประเทศ และเป็นผลมาจากสายการบินแห่งชาติรายนั้นๆ ปรับเปลี่ยนตัวเองด้วยการมุ่งสู่เป้าหมายเชิงพาณิชย์โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเต็มรูปแบบ
เราเห็นว่าโลกหลังโควิด จำเป็นที่สายการบินแห่งชาติจะต้องปรับตัวครั้งใหญ่อีกครั้ง ความภูมิใจในความเป็นสายการบินแห่งชาติไม่ใช่เรื่องหลัก ทว่าการส่งต่อให้กับเจ้าของใหม่ที่เป็นภาคเอกชน จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความคุ้มค่า เหมาะสม ที่สำคัญต้องโปร่งใส







