เทคโนโลยียุคใหม่

เทคโนโลยียุคใหม่

เทคโนโลยีรถยนต์มีการพัฒนามากมาย นอกจากจะพัฒนาทางด้านเครื่องยนต์ และพัฒนาทางระบบขับเคลื่อนแล้ว ยังมีส่วนประกอบที่ไม่เกี่ยวกับสมรรถนะของรถยนต์ ถูกพัฒนานำมาใส่ลงไปในรถยนต์อีกจำนวนมาก เช่น อุปกรณ์เพื่อความบันเทิง และอุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบายทั้งหลาย รวมถึงอุปกรณ์ที่เป็นเครื่องช่วยให้คนขับรถสามารถควบคุมรถได้สะดวกและง่ายขึ้น

ทั้งนี้ยังมีอุปกรณ์ที่คอยทำหน้าที่ตรวจวัดต่างๆ แทนผู้ขับรถ เช่น ไฟสัญญาณเตือนต่างๆที่ปรากฏบนหน้าปัด, สัญญาณเตือนแรงดันลมยาง

การพัฒนาหรือการเพิ่มอุปกรณ์ใหม่เหล่านั้นเข้ามาในรถยนต์ ไม่เพียงแค่เป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากได้หรืออยากซื้อรถเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มราคาค่าตัวรถได้อย่างแนบเนียนด้วย และที่สำคัญคือทำให้เกิดรายได้ประจำหลังการขายรถ เพราะผู้ที่ซื้อรถยนต์ไป ยังต้องนำรถมารับบริการตรวจตามระยะทาง หรือตามระยะเวลาที่กำหนด อีกทั้งเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นมาก็ยังมีค่าซ่อมบำรุง

อุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่พัฒนามาส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือเป็นอุปกรณ์ที่มีการทำงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่มักจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก ติดตั้งได้ง่าย การทำงานแม่นยำ แต่ข้อด้อยก็คือความเปราะบางต่อแรงกระแทก ทนทานต่อความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้นได้น้อย เมื่อเสียมักจะต้องใช้วิธีการเปลี่ยนชิ้นใหม่แทนการซ่อม ข้อด้อยที่สำคัญคือมีอายุการใช้งานที่ถูกกำหนดเอาไว้ เช่นเมื่อถึงระยะเวลาที่ผ่านการใช้งานมาเท่านั้นเท่านี้ก็จะเสื่อมสภาพไปเอง หรือเมื่อถึงกำหนดระยะทางที่ใช้งานไปแล้ว ก็ต้องทำการเปลี่ยนชิ้นใหม่

ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ในรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นมานั้น นอกจากจะเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดแล้ว อีกส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากการถูกบังคับตามกฎระเบียบต่างๆ เช่นกฎว่าด้วยการควบคุมมลพิษ กฎว่าด้วยความปลอดภัยสำหรับรถยนต์ เป็นต้น

แม้ว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่บรรจุเข้ามาในรถยนต์ จะถูกมองว่าเป็นสิ่งดีงามสำหรับโลกยุคใหม่ก็ตาม แต่เมื่อมองในอีกมุมหนึ่งของผู้ใช้รถยนต์แล้วมันคือภาระด้านค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้น นับตั้งแต่เริ่มซื้อรถยนต์ที่ต้องมีราคาแพงขึ้น รวมไปถึงค่าดูแลและบำรุงรักษารวมไปถึงการซ่อมบำรุงด้วย

โลกในปัจจุบันนี้มีภัยพิบัติเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และแต่ละปีมักจะมีความรุแรงมากขึ้น อีกทั้งยังเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ไม่สามารถคาดเดาได้บ่อยครั้งขึ้น

ภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น และส่งผลต่อรถยนต์ที่เราพบเจอกันบ่อยครั้งขึ้น คือ อุทกภัยหรือภัยจากน้ำท่วม เพราะดังที่รู้กันดีอยู่แล้วว่ารถยนต์ในปัจจุบัน มีชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่ทำงานโดยอาศัยพลังงานจากไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่ทำงานในลักษณะของอเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปรกติเพียงแค่ความชื้นสูง หรืออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมาก อุปกรณ์พวกนี้ก็พร้อมที่จะเสียหาย หรือทำงานคลาดเคลื่อนอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อต้องมาเจอกับสภาวะที่น้ำท่วมรถ ความเสียหายก็ยิ่งสูงมากจนยากที่จะประเมินมูลค่า

ย้อนไปในยุคที่รถยนต์ยังทำงานด้วยระบบกลไกเป็นหลัก เช่น ปิกอัพ ดีเซลในยุคที่ใช้เครื่องยนต์สเวิร์ล แชมเบอร์ หรือไดเรคอินเจคชั่นทั่วไป หรือในยุคที่เครื่องยนต์เบนซินยังใช้ระบบการจ่ายน้ำมันด้วยคาร์บูเรเตอร์ ใช้ระบบไฟแรงสูงด้วยหน้าทองขาว, หัวนกกระจอก และคอล์ย เป็นรูปกระบอก รถยนต์ในยุคนั้นอาจจะมีการจุดระเบิดที่คลาดเคลื่อน แต่ก็สามารถปรับแต่งทั้งระบบไฟและน้ำมันได้ง่าย แม้กระทั่งเมื่อเกิดความเสียหายก็มีค่าซ่อมแซมต่ำ

ผมยกตัวอย่างเปรียบเทียบเสมอมาว่า หากรถยนต์ในยุคเก่าตกลงไปในน้ำหรือถูกน้ำท่วม เจ้าของรถที่มีความรู้ด้านช่างยนต์อยู่บ้าง ก็สามารถแก้ไขให้กลับมาใช้งานได้ไม่ยาก เพียงแค่เปิดจุดต่าง ๆ ไล่น้ำออกจากระบบเชื้อเพลิง และไล่น้ำออกจากตัวเครื่องยนต์ให้หมด เปลี่ยนถ่ายของเหลวอันได้แก่น้ำมันเครื่อง,น้ำมันเกียร์, น้ำมันเฟืองท้าย, น้ำมันเบรก ฯลฯ แล้วก็ไล่ความชื้นออกจากระบบไฟฟ้า ด้วยการใช้สเปรย์ไล่ความชื้นมาฉีดเข้าไปตามขั้วต่อของสายไฟต่าง ๆ เพียงเท่านั้นก็สามารถสตาร์ตเครื่องยนต์ให้กลับมาใช้งานได้แล้ว หรือแม้แต่จะต้องส่งไปซ่อมตามอู่หรือศูนย์บริการทั่วไป ค่าซ่อมแซมก็ไม่สูงจนเกินกว่าจะรับได้

ต่างจากรถยนต์สมัยใหม่ที่มีอุปกรณ์ทันสมัยมากมาย แม้จะถูกน้ำท่วมเพียงแค่ ๑๐ นาทีหรือ ๒๐ นาที แต่หากน้ำท่วมถึงระดับมิดฝากระโปรงหน้า ความเสียหายจะเกิดขึ้นมากอย่างน่าตกใจ

เพราะนอกจากจะมีความเสียหายต่อระบบการสั่งการ และควบคุมที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน เช่น กล่องควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง, สั่งให้ปริมาณอากาศไหลผ่านเข้าไปผสมกับเชื้อเพลิง, สั่งจังหวะไฟแรงสูงสำหรับจุดระเบิด ที่เรียกรวมกันว่ากล่องควบคุม หรือ ECU จะเกิดความเสียหายขึ้นมาทันที ซึ่งการซ่อมแซมสำหรับกรณีเช่นนี้ มีเพียงแค่การเปลี่ยนกล่องควบคุมใหม่เท่านั้น เพราะการซ่อมให้กลับมาในสภาพเดิมนั้น จะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และยังได้ประสิทธิภาพกลับมาน้อยกว่าเดิมด้วย

เมื่อเกิดเหตุอุทกภัยหรือน้ำท่วม รถยนต์ยุคใหม่จึงเสียหายจนไม่สามารถซ่อมให้กลับมาได้ รถยนต์ที่ทำประกันภัยเอาไว้ จึงมักจะถูกบริษัทประกันภัยชดใช้ในรูปแบบที่เรียกกันว่า “คืนทุนประกัน” คือยอมจ่ายเงินชดเชยให้เต็มจำนวนที่เอาประกัน โดยต้องมอบซากรถ และทะเบียนให้กับบริษัทประกันภัยตอบแทน

การที่บริษัทประกันภัยยอมจ่ายเงินชดเชยเต็มวงเงินเช่นนี้ บางครั้งเมื่อคิดถึงการซ่อมรถยนต์ให้กลับมาใช้งานขับขี่ได้ ก็ยังสามารถทำได้อยู่ เพียงแต่ระบบความบันเทิงและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายในรถ ที่ผู้ผลิตติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานนั้น มีค่าซ่อมแพงจนไม่คุ้มค่ากับการซ่อม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

เพราะฉะนั้นก่อนจะซื้อรถต้องทำความเข้าใจว่า บรรดาอุปกรณ์ต่างๆที่ติดมากับรถยนต์นั้น ไม่ใช่ของที่ได้มาฟรี แต่เป็นของที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา และซ่อมบำรุงตลอดอายุการใช้งานด้วยครับ