เมื่อหมดหน้าหนาว

สัปดาห์ที่ผ่านมามีวันสำคัญอยู่สองวัน คือวันที่ ๑๒ ก.พ. ซึ่งหากนับตามปฏิทินจันทรคติ จะตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ อันถือเป็นวันมาฆบูชา เว็บไซต์ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ บอกว่าหมายถึงการบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือน ๓
ทั้งนี้หากปีใดมีเดือนอธิกมาส คือมีเดือน ๘ สองครั้ง ที่ชาวบ้านเรียกกันว่าปีที่มี ๘ สอง ๘ ปีนั้นวันมาฆบูชาก็จะเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ มีคำกล่าวว่าวันมาฆบูชาเป็นวันพระธรรม ด้วยเหตุที่ว่าเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก โดยมีพระสงฆ์ทั้งสิ้นในครั้งนั้น ๑,๒๕๐ รูป และเป็นพระอรหันต์ที่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้าทุกรูป กล่าวคือพระสงฆ์ทุกรูปในวันนั้นล้วนแต่เป็น เอหิภิกขุอุปสัมปทา
วันมาฆบูชาสมัยก่อนผู้คนจะไปวัดเพื่อทำบุญใส่บาตรและฟังเทศน์ฟังธรรม พอตกค่ำก็จะอาบน้ำแต่งตัวสวยงามเพื่อไปเวียนเทียนที่วัด แต่ด้วยวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิถีชีวิตของผู้คนในชนบท ที่คนหนุ่มคนสาวโยกย้ายเข้าไปทำงานในเมืองใหญ่ เด็กหนุ่มเด็กสาวเข้าไปเรียนหนังสือในเมืองใหญ่ หมู่บ้านหรือชุมชนในชนบทจึงเหลือแต่คนเฒ่าคนแก่และเด็กเล็ก การที่จะไปเวียนเทียนในยามค่ำคืนจึงไม่สะดวกเหมือนแต่ก่อน วัดวาอารามหลายแห่งจึงปรับมาทำพิธีกรรมเวียนเทียนกันในช่วงเวลากลางวัน
ส่วนวันสำคัญอีกวันหนึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา คือวันวาเลนไทน์ หรือที่เรียกกันว่าวันแห่งความรัก หากจะพูดว่าวันมาฆบูชาเป็นวันของคนแก่หรือผู้สูงอายุ ส่วนวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักเป็นวันของคนหนุ่มคนสาวก็คงจะพูดได้ เพราะแม้ว่าวันวาเลนไทน์หรือวันระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์ จะมีความหมายดั้งเดิมหมายถึงความรักของผู้คนโดยทั่วไป ไม่ได้หมายถึงความรักฉันชู้สาว หรือรักของคนหนุ่มคนสาวเท่านั้นก็ตาม แต่ด้วยกลไกของธุรกิจในเชิงการตลาด ทำให้คนทั้งโลกนึกถึงแต่ความรักของคนหนุ่มคนสาว หรื
อนึกถึงแต่ความรักในเชิงชู้สาวเท่านั้น ดอกกุหลาบสีแดงและช็อกโกแลต จึงเป็นสินค้าที่ขายดิบขายดีมากในวันวาเลนไทน์
วันวาเลนไทน์นั้นกำหนดวันตามปฏิทินสากล ดังนั้นวันที่ ๑๔ ก.พ. ของทุกปีจึงเป็นวันวาเลนไทน์ ในขณะที่วันมาฆบูชาใช้ปฏิทินทางจันทรคติเป็นตัวกำหนด แต่กระนั้นก็ดีส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในเดือน ก.พ. ยกเว้นแต่ในปีอธิกสุรทินที่มีเดือน ๘ สองครั้ง ปีนั้น ๆ วันมาฆบูชาจึงมักจะเคลื่อนไปอยู่ในเดือน มี.ค. เป็นส่วนใหญ่
สำหรับประเทศไทยแล้วความต่างในเชิงธุรกิจ ระหว่างวันวาเลนไทน์และวันมาฆบูชาก็คือ วันมาฆบูชาทางราชการห้ามจำหน่ายสุรา เพราะถือว่าเป็นวันพระใหญ่และเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ในขณะที่วันวาเลนไทน์นั้นร้านอาหารและสถานบริการทั่วไป ถือว่าเป็นวันของความรื่นเริงบันเทิงใจ สถานบันเทิงต่างๆจึงจัดการส่งเสริมการขายในรูปแบบต่าง ๆ แข่งขันกันอย่างจริงจัง
ปีนี้ทั้งวันมาฆบูชาและวันวาเลนไทน์ เป็นวันที่อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงของอากาศ กล่าวคือเป็นช่วงปลายของฤดูหนาวที่มีอากาศเย็น และย่างเข้าสู่การเริ่มต้นของฤดูร้อน ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่คนใช้รถต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น โดยในด้านของการใช้รถนั้นสิ่งพึงระวังคือเรื่องของทัศนวิสัย ยิ่งคนที่ต้องขับรถเดินทางไกลในเวลากลางคืน ยิ่งต้องระวังเรื่องของหมอก เพราะเมื่ออากาศเย็นและอากาศที่อุ่นกว่ามาปะทะกัน บวกกับความชื้นที่มีมากในอากาศของประเทศไทย จะทำให้เกิดหมอกมาบดบังทัศนวิสัย หรือลดความสามารถในการมองเห็นของคนขับรถลงไป
หรือในคนที่ต้องขับรถออกจากบ้านไปทำงานในช่วงเช้ามืดก็ไม่ต่างกัน เพราะหมอกมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาพลบค่ำ และในช่วงเวลาใกล้รุ่งหรือค่อนแจ้ง ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่อยู่ในระหว่างการเดินทางออกไปทำงานและกลับบ้าน การขับรถจึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง ให้มากกว่าช่วงเวลาที่มืดสนิท และช่วงเวลาที่มีแสงสว่างจ้าเต็มที่ เราจึงเห็นข่าวอุบัติเหตุรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ชนคนเดินถนนเกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดและช่วงพลบค่ำบ่อยๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมเองในสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องแรกคือรถตู้ที่ผมใช้ส่งและรับหลาน ๆ จากบ้านกับโรงเรียน ซึ่งต้องจอดนอกรั้วบ้านเป็นประจำ โดยจุดที่จอดนั้นจะมีสายไฟฟ้าและสายสัญญาณสื่อสารพาดอยู่ด้านบน และบนสายต่าง ๆ เหล่านั้นจะมีนกมาอาศัยเกาะนอนในตอนกลางคืน ซึ่งแน่นอนว่านกเหล่านั้นก็จะขี้ลงมาเปรอะเปื้อนตามหลังคาและตัวรถ และด้วยความที่ผมชะล่าใจเกินไป ปล่อยให้ขี้นกติดตามหลังคาและตัวรถอยู่สามสี่วัน หลังจากนั้นพอเอารถไปล้างทำความสะอาด จึงพบว่าสีตามตัวรถมีรอยด่างเกิดขึ้นเป็นจุดๆ จนต้องใช้น้ำยาขัดสีรถมาทำการขัดอยู่นานกว่าที่รอยด่างจะจางลงไป เป็นบทเรียนว่าเมื่อพบว่ามีขี้นกอยู่ตามหลังคาและตัวรถ ให้รีบเช็ดออกหรือล้างทำความสะอาดทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้เป็นอันขาดเพราะจะทำให้สีรถเสียหายได้
อีกกรณีหนึ่งก็คือในช่วงที่เปลี่ยนฤดูกาลจากหนาวมาเป็นร้อนเช่นนี้ เมื่อต้องจอดรถค้างคืนกลางแจ้ง เช้าขึ้นมาจะพบว่ามีน้ำค้างเกาะอยู่กับตัวรถจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณหลังคาและตามฝากระโปรงรถ ทั้งนี้หากพบเช่นนั้นให้รีบเช็ดน้ำค้างออกให้หมด และทำความสะอาดหลังคาและฝากระโปรงทันที หรือหากไม่มีเวลาที่จะทำความสะอาด อย่างน้อยก็ต้องเอาน้ำมาฉีดไปตรงบริเวณที่มีน้ำค้างเกาะ
เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จนมีแสงแดดส่องมาถึง หยดน้ำค้างจะแปรสภาพกลายเป็นเลนส์นูน รวมเอาความร้อนจากแสงแดดมาตกที่หลังคาหรือฝากระโปรงรถ อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้สีรถด้านขาดความเงางามขึ้นมาได้ อีกทั้งอากาศในปัจจุบันนี้มีสารเคมีลอยปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก หากสารเคมีเหล่านั้นรวมตัวกับน้ำค้างที่เกาะอยู่กับตัวรถ ก็จะยิ่งเป็นตัวเร่งให้สีรถด้าน หรือเสื่อมสภาพจนขาดความสวยงามเร็วขึ้น
ปัจจุบันนี้ค่าซ่อมตัวถังรถมีราคาแพงมากขึ้น แต่หากเจ้าของรถรู้จักดูและรักษาให้ดี ก็จะช่วยประหยัดเงินค่าซ่อมไปได้มากทีเดียวครับ