เมื่ออากาศเย็น

ประเทศไทยตั้งอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตร ภูมิประเทศจึงเป็นแบบพื้นที่ในเขตร้อนชื้น แบ่งฤดูกาลตามหลักวิชาการออกเป็น ๓ ฤดูในหนึ่งปี ประกอบด้วยฤดูร้อน, ฤดูฝน และ ฤดูหนาว แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ
โดยมีการกล่าวโทษไปที่สภาวะเรือนกระจก และผลพวงจากมลพิษของเครื่องจักร และกระบวนการทางอุตสาหกรรมทั้งหลาย ทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นตลอดเวลา สิ่งที่ส่งผลกระทบมาถึงดินฟ้าอากาศในประเทศไทยก็คือ ทำให้มีช่วงอากาศร้อนยาวนานขึ้นทุกปี และความร้อนของอากาศก็ทวีความร้อนสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ความผันแปรของสภาพดินฟ้าอากาศที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบกับประเทศไทยอย่างมาก ถึงเวลาของฤดูร้อนอากาศก็ร้อนจัดมาก ถึงเวลาของฤดูหนาวก็ทวีความหนาวมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าส่วนมากจะมีช่วงที่อากาศหนาวเย็นสั้นลงก็ตาม ส่วนในฤดูฝนก็จะมีฝนตกหนักลงบางพื้นที่ ในขณะที่บางพื้นที่กลับประสบปัญหาภัยแล้ง ส่วนพื้นที่ซึ่งเจอกับฝนที่ตกหนัก ก็จะเกิดน้ำท่วมไหลบ่าอย่างหนักหน่วง เรียกว่าหาความสมดุลของธรรมชาติไม่ได้เอาเสียเลย
ความเปลี่ยนแปลงผันผวนไปมาของอากาศ ย่อมส่งผลกระทบต่อรถยนต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือรถยนต์ที่ใช้พลังงานใหม่เช่นพลังงานไฟฟ้าก็ตาม อุณหภูมิโดยรอบตัวรถล้วนแต่ส่งผลให้ประสิทธิภาพของรถยนต์เพิ่มขึ้นและลดลงได้ ยิ่งปัจจุบันนี้รถยนต์ทุกชนิด ล้วนมีระบบไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่มาก สภาพดินฟ้าอากาศในแบบร้อนชื้นเช่นประเทศไทย ย่อมส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมมากขึ้น
ในรถยนต์ที่ยังต้องมีเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล รถยนต์ไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด หรือแม้แต่รถยนต์ในประเภทที่เรียกกันว่า อี-พาวเวอร์ ก็ตาม เพราะการจุดระเบิดของเครื่องยนต์สันดาปภายในนั้น อุณหภูมิและความชื้นจากอากาศภายนอกมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อรถยนต์ส่วนใหญ่ผลิตเพื่อการจำหน่ายและใช้งานในเมืองไทย วิศวกรจึงปรับตั้งหรือที่เรียกกันว่าจูน ให้เหมาะสมกับอากาศร้อนของไทย
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวและอากาศหนาวเย็น มีอุณหภูมิที่ต่างจากฤดูร้อนและฤดูฝนมาก การจุดระเบิดของเครื่องยนต์จึงเป็นไปอย่างไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร เราจึงพบว่าในฤดูหนาวที่อากาศหนาวมากเช่นนี้ เครื่องยนต์จะติดยากขึ้นกว่าปรกติ หรือมอเตอร์สตาร์ตต้องลากยาวทำงานต่อเนื่องนานขึ้น กว่าที่เครื่องยนต์จะติดทำงานขึ้นมาได้ และหลายครั้งเมื่อเครื่องยนต์ติดขึ้นมาแล้ว ก็ยังมีอาการเดินสะดุดเกิดขึ้นได้บ้าง หรืออาจจะมีควันขาวหรือหยดน้ำออกมาจากปลายท่อไอเสีย ในช่วงที่เครื่องยนต์ติดทำงานขึ้นมาใหม่ๆโดยเฉพาะตอนเช้า
เหตุผลเป็นเพราะว่าในช่วงฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็นมากเช่นนี้ อากาศที่ถูกดูดเข้าไปในห้องเผาไหม้ จะมีความหนาแน่นสูงกว่าในช่วงฤดูร้อนหรือในช่วงที่อากาศร้อน อีกทั้งอากาศในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ยังมีความชื้นสูงอีกด้วย เครื่องยนต์จึงติดยากหรือติดแล้วก็ยังมีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์เช่นในช่วงอากาศร้อน ดังนั้นเมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น หรืออุณหภูมิโดยรอบลดลงต่ำเช่นนี้ จึงควรปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานในรอบเดินเบา หรือที่เรียกกันว่าปล่อยให้มีการฟรีเครื่อง หรือทำการอุ่นเครื่องยนต์เอาไว้สักช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนนำรถเคลื่อนที่ออกไปใช้งาน
และหากพบว่ามีควันขาวโชยออกจากปลายท่อไอเสียในช่วงนี้ หรือพบว่ามีหยดน้ำหยดออกจากปลายท่อไอเสีย หรือเครื่องยนต์ติดขึ้นมาแล้วมีอาการกระตุกหรือสะดุด ก็ไม่ต้องตกใจหรือคิดว่าเครื่องยนต์ของตนเองบกพร่องหรือมีปัญหาเกิดขึ้น จนถึงขั้นรีบร้อนนำรถไปให้ช่างทำการแก้ไข เพราะจะทำให้เสียเงินเสียทองเปล่า ๆ การแก้ไขปัญหาด้วยตนเองก็เพียงแค่ติดเครื่องทิ้งไว้ หรืออุ่นเครื่องยนต์สัก ๓-๕ นาที เมื่ออุณหภูมิในห้องเผาไหม้สูงขึ้นมาตามปรกติแล้ว การเผาไหม้ก็จะสมบูรณ์ ทำให้ควันขาวหรือหยดน้ำ หรือแม้แต่อาการเครื่องยนต์เดินสะดุดหายไป หรือจะบอกว่าเครื่องยนต์กลับมาทำงานเป็นปรกติเช่นเคยก็ว่าได้ครับ
ในช่วงฤดูหนาวของปีนี้ที่อากาศมีความหนาวเย็นค่อนข้างมาก อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องยาวนาน อุปกรณ์บางอย่างอาจจะทำงานแตกต่างไปจากช่วงที่อากาศอุ่นหรือร้อน ทำให้ผู้ใช้รถเกิดความวิตกกังวลขึ้นมาว่า รถยนต์ของตนเองบกพร่องหรือไม่ จนต้องนำรถไปปรับนั่นแต่งนี่ให้เสียเงินโดยใช่เหตุ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำจนเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
เรื่องแรกที่พบได้บ่อยที่สุดคือเรื่องของการใช้เครื่องปรับอากาศ เพราะในช่วงที่อากาศหนาวเย็นหรืออุณหภูมิต่ำลงเช่นนี้ เจ้าของรถยนต์บางท่านอาจจะคิดว่า เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ของตนเองเสีย เพราะเปิดขึ้นมามีแต่ลมร้อนเป่าออกมาจากช่องปรับอากาศ ทั้งที่เรื่องอย่างนี้เป็นการทำงานตามปรกติ สมมุติว่าอุณหภูมิภายนอกทั่วไปอยู่ที่ ๑๘ องศาเซลเซียส แล้วผู้ขับปรับเครื่องปรับอากาศที่ ๒๒ องศาเซลเซียส
กรณีอย่างนี้ระบบอัตโนมัติของระบบปรับอากาศ เข้าใจว่าผู้ขับต้องการทำให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารอยู่ที่ ๒๒ องศาเซลเซียส แต่ด้วยความที่อากาศทั่วไปอยู่ที่ ๑๘ องศาเซลเซียส เครื่องปรับอากาศจึงปล่อยลมร้อนออกมาเพื่อปรับให้ห้องโดยสารมีอุณหภูมิ ๒๒ องศาเซลเซียส ดังนั้นหากไม่อยากให้มีลมร้อนออกมาจากช่องแอร์ ก็ต้องปรับให้อุณหภูมิอยู่ที่อย่างน้อยที่สุดคือ ๑๙ องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่านั้น
คำแนะนำจากผมในเรื่องเครื่องปรับอากาศคือ ขณะที่มีอากาศหนาวเย็นค่อนข้างมาก รถที่มีระบบฮีทเตอร์ ควรปรับใช้บ้างแม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ ก็ยังดี หรือในรถยนต์ทั่วไปก็ควรปรับให้ทำงานในอุณหภูมิที่สูงกว่าอากาศทั่วไป เพื่อให้เครื่องปรับอากาศปล่อยลมร้อนออกมาบ้าง แล้วก็ปรับทิศทางการไหลเวียน ให้อากาศออกมาในทิศทางต่าง ๆ เท่าที่ผู้ผลิตรถยนต์ทำการติดตั้งมาให้
เช่น พ่นออกมาตรงตัวบ้าง พ่นลงไปที่บริเวณขาหรือที่พื้นรถบ้าง เพราะจะช่วยลดกลิ่นเหม็นอับของระบบปรับอากาศได้เป็นอย่างดี ด้วยว่าลมร้อนจะช่วยขับไล่ความชื้นตามท่อส่งอากาศไปได้มาก ช่วยให้ไม่ต้องเสียเงินทำการล้างระบบปรับอากาศได้ครับ