อย่าหมดใจกับวิกฤติซ้ำซาก

อย่าหมดใจกับวิกฤติซ้ำซาก

วิกฤติที่น่ากลัวที่สุดคือ วิกฤติที่เกิดขึ้นซ้ำซาก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่จบไม่สิ้นสักที ไม่มีการสิ้นสุดของระยะปรับตัว

 ระยะของวิกฤติซ้ำซากเหมือนกับระยะวิกฤติทั่วไป เพียงแต่เกิดขึ้นวนไปวนมา เริ่มจากการเกิดความตระหนกตกใจเมื่อเริ่มเผชิญหน้ากับวิกฤตินั้น แต่ครั้งหลัง ๆจะตกใจกันมากขึ้น ทั้ง ๆที่น่าจะคุ้นเคยกันมากขึ้น ไปถอนฟันซี่ที่สองควรจะน่ากลัวน้อยกว่าซี่แรก

วิกฤติซ้ำซากมักมีการให้ข้อมูลข่าวสารที่ดูเหมือนว่า แต่ละรอบต้องมีอะไรในวิกฤตินั้นที่น่ากลัวน่ากังวลมากขึ้น ชดเชยกับความซ้ำซากของข้อมูลข่าวสารนั้น

ในช่วงระยะของความตกใจ แต่ละวันหมดไปกับข่าวคราวที่ดูเหมือนกับย้อนอดีตวนไปวนมา คล้ายกับดูหนังเก่ามาเล่าใหม่  ให้เริ่มเลือกรับข้อมูลสารสนเทศที่เมื่อรับทราบมาแล้ว เติมพลังอย่างใดอย่างหนึ่งให้กับเรา  รู้แล้วทำอะไรสักอย่างได้ดีขึ้น อะไรที่รู้แล้วตกอกตกใจมากขึ้น โดยไม่รู้ว่าจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ขึ้นมาได้ ก็หลีกเลี่ยงข้อมูลข่าวสารนั้นไปก่อน รู้เรื่องวัคซีนว่าตัวไหนป้องกันโรคได้ดีแค่ไหน รู้แล้วไม่เกิดอะไรในทางบวกได้เลย ตราบเท่าที่ในบ้านมีวัคซีนให้ใช้อยู่แค่สองตัว ที่น่าต้องติดตามคือเมื่อไหร่จะได้ฉีด อะไรที่รู้แล้วเอาไปปรุงแต่งเป็นเรื่องแง่ลบได้ ระยะนี้ก็เพลา ๆการรับรู้ไปก่อนเพื่อลดความเครียดจากการที่ไม่ได้ของดีอย่างที่ควรจะได้ อย่าลืมว่าทุกวิกฤติมีคนดังเกิดขึ้นจากวิกฤตินั้นเสมอ

ในระยะการตอบสนองต่อวิกฤติ ให้ตระหนักไว้เสมอว่าการหาหนทางรับมือกับวิกฤติซ้ำซาก เป็นการวิ่งมาราธอนทางไกล ซึ่งเจอะเจอเรื่องซ้ำซากได้ตลอดทาง อย่าไปหวังว่าจะมีหนทางให้จบได้เร็ว ๆแบบวิ่งร้อยเมตร เพราะถ้าหวังว่าใช้หนทางนี้แล้วจะจบเร็ว แล้วมันกลับยืดยาวซ้ำซาก เราจะหงุดหงิดกับความไม่ได้ดั่งใจนั้น ให้มองใหม่ว่าอะไรบ้างที่เราสามารถควบคุมเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเราเอง แล้วมุ่งเน้นหนทางสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อเปลี่ยนแปลงแล้ว  เราตอบตัวเราเองได้ว่ามีอะไรสักอย่างที่ดีขึ้น อย่าให้ระยะตอบสนองวิกฤติกลายเป็นการหาแพะว่ารอบนี้ใครผิด เสียเวลาเสียสมาธิในการคิดหาหนทางรับมือวิกฤติรอบนี้   วิ่งทางไกลให้คิดหนทางให้รอบคอบ อย่าลืมตุนกำลังเผื่อไว้บ้าง อย่าเทหมดกระเป๋าในรอบนี้ เพราะยังมีรอบหน้าอีกแน่ ๆ

ในระยะประมวลผลของการตอบสนองวิกฤติ มักมีคนที่ว่าตนเองเก่งมาบอกว่าเป็นเวลาแห่งการสร้างนวัตกรรม ต้องสร้างโอกาสจากวิกฤตินี้ให้ได้ แต่จะคิดเปลี่ยนแปลงอะไรต่ออะไรให้มีคุณค่าใหม่ ๆ ได้นั้น คนคิดต้องพาตนเองให้หลุดรอดไปจากความหงุดหงิดกังวลให้ได้เสียก่อน ถ้าจิตยังไม่แจ่มใส จะเป็นแค่คิดแง่ลบที่ย่ำแย่กว่าที่เป็นจริง คือใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่ยังหลงเหลืออยู่มาสร้างหนังผีหลอกหลอนตนเองว่ารอบใหม่จะแย่แค่ไหน เป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในทางลบสุดขั้ว คือบูรณาการสารพัดข่าวสารมาประดิษฐ์เป็นภาพอนาคตที่น่าหวาดวิตก ยิ่งเก่งมากก็ยิ่งวาดภาพน่ากลัวได้สมจริงสมจังมากขึ้นไปอีก ซึ่งไม่เป็นประโยชน์อย่างใดกับการรับมือวิกฤติในรอบต่อไป สิ่งที่น่าจะทำมากกว่าในระยะของการประมวลผลคือทบทวนดูว่าอะไรบ้างที่ทำไปแล้วได้ผลดีกับชีวิตการงานของเรา จดจำเอาไว้ใช้ดัดแปลงปฏิบัติในรอบต่อไป อะไรบ้างที่ทำไปแล้วเสียเปล่า รอบหน้าจะได้หลีกเลี่ยง

ในระยะปรับตัว ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนอย่างถาวรหลังวิกฤติ ถ้าเจอน้ำท่วมใหญ่ ก็สร้างถนนสร้างบ้านกันใหม่ให้น้ำไม่ท่วมอีกต่อไป และใช้ชีวิตกับสภาพแวดล้อมใหม่นั้น แต่วิกฤติซ้ำซากไม่มีการสิ้นสุดของระยะปรับตัว คือปรับตัวไปแล้ว วิกฤติซ้ำซากก็ยังมาใหม่อีก ต้องปรับตัวกันอีก ขอให้ยอมรับว่าการปรับตัวเป็นพลวัตและตั้งความหวังไว้ว่าอีกสักพักวิกฤติก็จะทุเลาลงเหมือนรอบที่ผ่านมา อย่าท้อถอยกับความพยายามและเรี่ยวแรงที่ทุ่มเทปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการงาน แต่ให้มองใหม่ว่าเพราะการปรับตัวครั้งนั้น เราจึงผ่านวิกฤติรอบที่ผ่านมาได้ และตั้งความหวังไว้เลยว่าด้วยการปรับตัวในรอบนี้ เราจะรอดผ่านวิกฤติรอบนี้ไปได้เช่นกัน.