Diversify กลยุทธ์สู่อนาคต   

Diversify กลยุทธ์สู่อนาคต   

ถ้าใครติดตามข่าวเรื่องการลงทุนในนวัตกรรมแนวหน้า (Frontier Tech) จะเห็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น

ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นนั่นก็คือ ผู้ก่อตั้งและนักลงทุนในกลุ่ม Big Tech รวมถึงยักษ์ใหญ่ในธุรกิจพลังงาน ต่างหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนที่เน้นการเจริญเติบโตแบบเชิงรุก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Deep Tech และเป็นการลงทุนที่กระจายตัวออกจากธุรกิจเดิม เช่น ยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม FAMGA หันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนนอกกลุ่ม Consumer Internet โดยเดินหน้าหนุนหลังสตาร์ทอัพที่พัฒนานวัตกรรมเชิงลึกในด้านสุขภาพ ชีวสังเคราะห์ รวมถึงกลุ่มที่เป็น Frontier Tech เช่น Quantum Computing, Synbio, หรือกระทั่ง Space Technology  

ในอดีตนักวิเคราะห์การลงทุนส่วนใหญ่มองว่าการลงทุนในธุรกิจกลุ่มที่เป็นนวัตกรรมเชิงลึกเหล่านี้อาจเป็นแค่การลงทุนเพื่อหวังผลระยะยาวและมีความเสี่ยงสูง แต่ด้วยพัฒนาการที่รุดหน้าไปมากของเทคโนโลยีเชิงลึกในปัจจุบัน ทำให้เราได้เห็นว่าที่แท้จริงแล้วกลยุทธ์ของนักลงทุนกลุ่ม Big Tech นั้นเป็นการลงทุนที่มี Industry Insights เป็นตัวขับเคลื่อน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือธุรกิจ Plant-based Proteinโปรตีนจากพืชที่ในยุคแรกมีแค่ Bill Gates และ Big Tech Investors ไม่กี่รายให้ความสำคัญและร่วมลงทุน

ล่าสุดในปี 2020 กลายเป็นธุรกิจที่ร้อนแรงด้วยเงินลงทุนจากยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมอาหารและเติบโตสูงสุดด้วยมูลค่าธุรกิจแตะหมื่นล้านเหรียญ และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลที่ว่าโปรตีนจากพืชน่าจะเป็นโซลูชั่นของการสร้างแหล่งอาหารยั่งยืนเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการสร้าง Food Security ให้กับประชากรโลก

         เมื่อวิเคราะห์การเติบโตขององค์กรกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจ องค์กรที่ Diversify หรือสร้างความหลากหลายในการขยายธุรกิจออกไปจากธุรกิจหลักที่เป็นอยู่เดิม มักจะเป็นองค์กรที่สามารถสร้างผลกำไรและส่งมอบผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน

ในฝั่ง US มีการจัดอันดับองค์กรที่ถือว่าเป็น “The Most Diversified Company” ซึ่งบริษัทกลุ่มนี้จะเป็นที่หมายปองของนักลงทุนและถือว่าเป็นหุ้น Blue Chip ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำและเหมาะกับการลงทุนในระยะยาว ตัวอย่างเช่น Johnson & Johnson, 3M, GE, Disney, และ Alphabet องค์กรเหล่านี้มีสิ่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกันนั่นคือไม่หยุดนิ่งที่จะลงทุนในเทคโนโลยีหรือโมเดลธุรกิจใหม่

           การมองภาพอนาคตธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ที่ออกนอกกรอบไปจากวงล้อมของอุตสาหกรรมเดิม ทำให้ผู้บริหารที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ “Unrelated Diversification” มากขึ้น ธุรกิจพลังงานหันไปลงทุนด้าน Healthcare และ Smart Agriculture ธุรกิจประกันภัยไปจับมือกับ Healthtech

ในขณะที่ยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจอาหารและคอนซูเมอร์เริ่มผันตัวไปเป็น Tech Company เร่งสร้างสรรพกำลังด้าน AI  เส้นทางการขยายธุรกิจออกไปในแนวระนาบ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในองค์กรที่แบกความคาดหวังของนักลงทุนและผู้ถือหุ้น เมื่อธุรกิจปัจจุบันมีแรงส่งให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้ลดน้อยลง ความอยู่รอดขององค์กรอนาคตคือการแสวงหาพันธมิตรใหม่ที่อยู่นอกขอบเขตของธุรกิจเดิม

       ความท้าทายของหลายองค์กรที่กำลังก้าวข้ามพรมแดนธุรกิจที่มีความคุ้นเคย เข้าสู่ธุรกิจที่เป็นความหวังอนาคต ประเด็นปัญหาใหญ่มักไม่ใช่เรื่องของเม็ดเงินลงทุน แต่เป็นการก้าวข้ามความท้าทายเรื่อง Skill และMindset ของทีมงานและผู้บริหารที่ต้องปรับตัวเพื่อทำให้เกิดการต่อยอดธุรกิจใหม่ได้ลงตัว.