บทวิเคราะห์ : ระดมความเห็นปรับเกณฑ์คริปโท

บทวิเคราะห์ : ระดมความเห็นปรับเกณฑ์คริปโท

ผู้เขียนวิเคราะห์มุมมองที่มีต่อตลาดคริปโทในไทย และอธิบายข้อเสนอของสำนักงาน ก.ล.ต ในการปรับเกณฑ์กำกับคริปโทในเรื่องคุณสมบัติผู้ลงทุน

              ฉบับนี้ ผู้เขียนประสงค์จะวิเคราะห์มุมมองที่มีต่อตลาดคริปโทในไทย และอธิบายข้อเสนอของสำนักงาน ก.ล.ต ในการปรับเกณฑ์กำกับคริปโทในเรื่อง “การกำหนดคุณสมบัติผู้ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี และการกำหนดให้ผู้ลงทุนต้องผ่านการทดสอบความรู้ (knowledge test) ก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล”

คริปโทตามกฎหมายไทย

            ก่อนอื่น ผู้เขียนขออธิบายโดยย่อถึงกฎหมายที่รองรับคริปโทในไทยโดยพิจารณากฎหมายที่กำกับดูแลเป็นหลัก กล่าวคือ หากพิจารณาว่าเป็น “เงิน” หรือ “สื่อกลางที่ใช้แทนเงินตรา” หรือไม่ ก็ต้องพิจารณากฎหมายและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งสรุปได้ว่า คริปโทไม่มีสถานะเป็นเงินที่สามารถใช้ชำระหนี้สินค้าหรือบริหารตามกฎหมายได้ และไม่ถือเป็นวัตถุหรือเครื่องหมายใดๆ ที่สามารถใช้แทนเงินตรา
            อย่างไรก็ดี ภายใต้ พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.ถือว่า คริปโท เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่ง ที่มีวัตถุประสงค์เป็นสื่อกลางในการระดมทุน กล่าวคือ ในตลาดแรก คริปโท จะมีสถานะเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลในกระบวนการ ICO (ผู้ลงทุนจะได้โทเคนกลับมา) และในตลาดรอง คริปโท สามารถนำมาซื้อขายแลกเปลี่ยนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้

วิเคราะห์คริปโทในตลาดทุนไทย
          ผู้เขียนขอวิเคราะห์และตั้งข้อสังเกตที่มีต่อคริปโทในตลาดทุนไทยในสี่ประเด็น กล่าวคือ

         ประเด็นแรก หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2561 คริปโทเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว และมีเอกชนบางรายในช่วงเวลานั้นได้นำไประดมทุนแบบ ICO โดยที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับและกฎหมายหลักทรัพย์ไม่สามารถใช้กำกับได้ ดังนั้น เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนและประชาชนที่เกี่ยวข้อง ภาครัฐจึงจำเป็นต้องออกกฎหมายโดยใช้กลไกของพระราชกำหนด ซึ่งถือเป็นกลไกหนึ่งตามรัฐธรรมนูญที่จะนำมาใช้ก็ต่อเมื่อ มีเหตุจำเป็นรีบด่วนอันอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เมื่อเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ ประกอบกับการตราพระราชกำหนด มีเหตุจากความเร่งด่วน จึงมีเวลาค่อนข้างจำกัดในการจัดทำกฎหมายให้ครอบคลุมในทุกประเด็นตั้งแต่ในคราวแรก

        ประเด็นที่สอง หากพิจารณาคริปโทที่มีอยู่ในตลาด พบว่าส่วนมากไม่มีปัจจัยพื้นฐาน สินทรัพย์อ้างอิง หรือกิจการใดรองรับชัดเจน ดังนั้น การขึ้นลงของราคาคริปโทจึงอยู่ที่การเก็งกำไรของนักลงทุนเป็นหลัก ผนวกกับในระยะหลังกระแสการใช้คริปโทเป็นสินทรัพย์ทางเลือกเพิ่มมากขึ้นจากภาคเอกชน จึงส่งผล
ให้ราคาของคริปโท โดยเฉพาะบิทคอยน์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตอาจมีสภาวะผันผวนเนื่องจากอ่อนไหวต่อปัจจัยต่าง ๆ ได้ง่าย

        ประเด็นที่สาม เมื่อราคาขึ้นสูง ก็เป็นจุดดึงดูดให้นักลงทุนสนใจเข้าไปเก็งกำไร ซึ่งข้อสังเกตที่สำคัญ คือ นักลงทุนในตลาดคริปโทมี Financial Literacy หรือ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคริปโทอยู่ในระดับใดและหากพิจารณาในอีกด้าน การส่งเสริมทักษะทางการเงินที่เกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยสามารถส่งผ่านความรู้ความเข้าใจถึงประชาชนในวงกว้างได้หรือไม่


      ประเด็นที่สี่ เมื่อเกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดและประชาชนจำนวนมากอยากลองลงทุนเพื่อทำกำไร ความพร้อมของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขาย ต้องมีระบบการจัดการที่ดีพอในการรองรับนักลงทุนด้วย ซึ่งในขณะเดียวกัน ก็ต้องดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเกณฑ์กำกับควบคู่กันไป

หลักการใหม่ที่เสนอ

            ดังนั้น หลักการใหม่ ภายใต้การรับฟังความคิดของ ก.ล.ต ครั้งนี้ จึงโฟกัสอยู่ในสองประเด็น กล่าวคือ            
           ประเด็นแรก
  กำหนดคุณสมบัติผู้ลงทุนในคริปโท  โดยเสนอให้ 1) ผู้ลงทุนต้องมีคุณสมบัติด้านความรู้ คือ มีประสบการณ์ในการลงทุนคริปโท หลักทรัพย์ หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสองปี หรือ เป็น professional (เช่น ผู้แนะนำการลงทุนตามเกณฑ์เกี่ยวกับบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน หรือผู้ผ่านการทดสอบ CISA เป็นต้น)  และ2) คุณสมบัติด้านทางการเงิน เช่น มีรายได้ต่อปี (ไม่นับรวมคู่สมรส) ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป หรือ มีสินทรัพย์สุทธิตั้งแต่ 10 ล้านบาท (ไม่นับมูลค่าอสังหาฯ ที่ใช้พักอาศัยเป็นประจำ) หรือ มีมูลค่าการลงทุน (ในหลักทรัพย์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสินทรัพย์ดิจิทัล) โดยมี port size ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป
        ประเด็นที่สอง  กำหนดให้ผู้ลงทุนต้องผ่านการทำ knowledge test ก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล”
โดยเสนอให้ทุกครั้งที่มีการเปิดบัญชีซื้อขายกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น เปิดบัญชีกับศูนย์ซื้อขาย จะต้องมีข้อกำหนดให้นักลงทุนทำ knowledge test ก่อนเสมอ โดยผู้ลงทุนจะต้องมีคะแนนการทดสอบความรู้ในแต่ละหัวข้อไม่น้อยกว่าร้อยละ 80  (ทั้งนี้ หากเป็นการเปิดบัญชีกับผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ DA Fund Manager จะไม่ถูกกำหนดให้ต้องทำแบบทดสอบดังกล่าว เพราะถือว่ามีผู้ลงทุนแทนให้)

หากขาดคุณสมบัติก็ยังลงทุนได้

         แม้ผู้ลงทุนจะขาดคุณสมบัติการลงทุนในคริปโทตามข้อเสนอข้างต้น เช่น อาจมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ หรือสินทรัพย์สุทธิไม่ถึง 10 ล้านบาท ก็ยังสามารถลงทุนในคริปโทผ่านผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลได้  ซึ่งผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล คือ ธุรกิจที่ ก.ล.ต. พึ่งอนุญาตให้สามารถดำเนินการในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้  ดังนั้น ในทางปฏิบัติ  ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล จึงเป็นธุรกิจที่ทำหน้าที่ช่วย
นักลงทุนในการดำเนินการหรือจัดการเงินทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยนักลงทุนไม่ได้เป็นผู้ลงทุนเองโดยตรง ทั้งนี้ การเปิดบัญชีกับ
DA Fund Manager ต้องมีการกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำที่ 1,000 บาทด้วย

 หากเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงจะได้รับยกเว้น
    
     ข้อกำหนดเรื่องคุณสมบัติในเรื่องความรู้และฐานะการเงินจะไม่นำมาปรับใช้ หากนักลงทุนเลือกลงทุนในคริปโทที่มีกลไกการผูกมูลค่าไว้กับ “สินทรัพย์ที่มั่นคงปลอดภัย” อธิเช่น สกุลเงิน fiat currency พันธบัตรรัฐบาล และ Stable coin เป็นต้น สาเหตุเพราะคริปโทประเภทนี้จะมีการอ้างอิง Underlying Asset และโดยสภาพเป็นการแก้ปัญหาการออกคริปโทโดยขาดปัจจัยพื้นฐาน

           ท้ายที่สุด ผู้เขียนเห็นว่า การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดี และจะเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะส่งผลบวกต่อระบบนิเวศของตลาดคริปโทในเมืองไทย โดยผู้ที่สนใจและเกี่ยวข้องสามารถร่วมเสนอข้อคิดเห็นทางหน้าเว็ปไซต์ของ ก.ล.ต. ภายในวันที่ 27 มีนาคม 2564.

บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน