สุดยอด ‘บิ๊กเทคโนโลยี’ ปี 2021

สุดยอด ‘บิ๊กเทคโนโลยี’ ปี 2021

หนึ่งในสถาบันที่หลายคนติดตาม ว่าจะแนะนำแนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ๆ อะไรออกมาในแต่ละปี คือ ARK Investment ในปี 2021

 ในปี 2021 ARK Investment แนะนำเทคโนโลยีแบบ ’บิ๊กไอเดีย’ ที่เด่นๆไว้ ดังนี้

 หนึ่ง Deep Learning เริ่มมีหลายคนเชื่อแล้วว่าในบรรดาเทคโนโลยีต่างๆที่มาแรง ณ ตรงนี้  เจ้า Deep Learning น่าจะเป็นถือว่าหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีแววมากที่สุด และถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ นับจากระบบปฏิบัติการวินโดวส์เมื่อ 30 ปีก่อน

 หากพิจารณาลงไปให้ลึกลงไป จะไม่ให้ก้าวไกลได้อย่างไรในเมื่อภายใต้  Deep Learning แทนที่จะใช้คนเป็นผู้เขียนโปรแกรมซอฟต์แวร์ เจ้าตัว Deep Learning จะใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ Artificial Intelligence (AI) ผ่านการนำข้อมูลที่มีอยู่อย่างมากมายในยุค Big Data มาเขียนโปรแกรมซอฟต์แวร์แทนมนุษย์ มิหนำซ้ำ Deep Learning ยังสามารถเขียนได้แบบอัตโนมัติเป็นหลายๆโปรแกรมที่ไม่ซ้ำกันเสียด้วย 

Deep Learning จะสามารถสร้างแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ใน 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ Smart Computer ที่สามารถพูดกับตนได้ ยานยนต์ไร้คนขับ และ แอพพลิเคชั่นที่สามารถเข้าถึงคนหมู่มากอย่าง Tiktok และ Snap  

ARK คาดว่า Deep Learning จะสร้างมูลค่าตลาดต่อตลาดหุ้นได้ถึง 30 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2037

 สอง การปฏิวัติครั้งใหม่ของ Data Center ซึ่งถือเป็นแหล่งพลังงานหลักที่อยู่เบื้องหลังการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการประมวลผลด้วยความเร็วอันน่าทึ่งของสมองกลคอมพิวเตอร์ โดย ARK มองว่านับจากนี้ไป กำลังค่อยๆจะหมดยุคของ Intel ที่ครองตลาดชิพซีพียูมากว่า 30 ปี เนื่องจากความเร็วในการประมวลผลของชิพ Intel ที่ทำได้ในช่วงหลังเริ่มที่จะไม่ได้ทำได้ดีขึ้นเหมือนเมื่อก่อน และเราน่ากำลังจะเข้าสู่ยุคของไมโครโปรเซสเซอร์ค่าย ARM ที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากระบบ ecosystem ที่เป็นแบบ Open-source โดยที่นักพัฒนาโปรแกรมทั่วโลกสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมในการพัฒนาได้แบบไร้ข้อจำกัดใดๆ โดยเทคโนโลยี RISC-V กำลังจะค่อยๆกลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมด้วยต้นทุนที่ต่ำ ทว่าให้ความเร็วในการประมวลผลที่ไม่เป็นรองค่าย Intel

  ARK คาดการณ์ว่า ในยุคใหม่ของ Data Center ผลิตภัณฑ์ซีพียูตระกูล X86 ของ Intel ที่ครองตลาดกว่าร้อยละ 90 ในตอนนี้ จะค่อยๆถูกทดแทนโดย ARM/ RISC-V จนกระทั่งปี 2030 ค่าย Intel คาดว่าจะเหลือส่วนแบ่งการตลาดเพียงร้อยละ 27 ส่วน ARM/ RISC-V จะมีส่วนแบ่งการตลาดถึงร้อยละ 71

  สาม กระเป๋าเงินดิจิทัล หรือ Digital Wallets โดยให้สังเกตว่าปรากฎการณ์ที่มูลค่าการใช้จ่ายด้วย Mobile Payment ในจีน มีสูงกว่าจีดีพีของจีนถึง 2.5 เท่า จึงทำให้ทาง ARK ประเมินว่าหากการใช้จ่ายด้วย Mobile Payment ต่อคน น่าจะเพิ่มจาก ณ ตอนนี้ ที่มีอยู่ราว 250-1,900 ดอลลาร์ต่อคน ขึ้นมาเป็น 20,000 ดอลลาร์ต่อคน ในปี 2025 ซึ่งจะทำให้ตลาด Digital Wallets มีมูลค่าอยู่ที่ 4.6 ล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

 โดยเหตุผลหลักที่ ARK ประเมินว่าจะเป็นเช่นนั้น เนื่อง Venmo ของ Paypal และ Cash App ของ Square สามารถที่จะมีต้นทุนในการเพิ่มลูกค้าต่อราย (Customer Acquisition Cost) เพียง 20 ดอลลาร์ต่อราย ในขณะที่บริษัทบัตรเครดิต แบงก์ หรือ ประกันภัย มีต้นทุนดังกล่าวสูงกว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่า นอกจากนี้ ยอดรวมจำนวนผู้ใช้ Digital Wallets ในสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น Venmo และ Cash App ได้ทะลุเกินจำนวนผู้ฝากเงินในสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 สี่ การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จะเห็นได้ว่าต้นทุนแบตเตอรีลิเธียมอิออนที่ใช้ในยานยนต์ไฟฟ้าได้ลดลงมาเรื่อยๆ หากอ้างอิงจากกฎของ Moore จะพบว่าทุกๆครั้งที่เราผลิตจำนวนแบตเตอรีเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จะทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลงร้อยละ 28 เนื่องจากต้นทุนหลักของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี ดังนั้นการลดลงดังกล่าว จึงถือเป็นหัวใจหลักของการที่จะทำให้ราคารถยนต์ EV ลดลงมาเท่ากับรถยนต์ที่ใช้ระบบสันดาปภายในในปัจจุบันได้

ณ นาทีนี้ ได้มีเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรีแบบ Cell-to-Battery Pack ที่สามารถอัดประจุไฟเพื่อเก็บในแบตเตอรีได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรีในตอนนี้ได้ถึงร้อยละ 50  โดยคาดว่าราคาของรถยนต์แบบ EV จะสามารถทำราคาให้ลดลงมาเท่ากับราคารถยนต์ที่เราใช้กันอยู่ในปี 2023

 ด้วยปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวไว้ ทางARK คาดว่า จำนวนยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตทั่วโลกจะสามารถเติบโตได้ร้อยละ 82 ต่อปี ระหว่างปี 2020 ถึง ปี 2025 จนสามารถผลิตได้เกือบ 40 ล้านคันในปี 2025

  ท้ายสุด การส่งสินค้าโดยโดรน (Drone Delivery) ที่ทาง ARK มองว่าจะสามารถพัฒนาจนถึงระดับที่ใช้กันเชิงพาณิชย์ทั่วไปจากการลดลงของต้นทุนของแบตเตอรีและเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่ล้ำหน้า ด้วยต้นทุนการขนส่งของโดรนที่ต่ำกว่าวิธีการส่งสินค้าแบบอื่นๆ รวมถึงระยะทางที่จะไกลขึ้นเรื่อยๆซึ่งจะสามารถใช้โดรนขนส่งสินค้าได้ด้วยความปลอดภัย ทาง ARK จึงคาดว่าโดรนจะสามารถเป็นวิธีการส่งสินค้าที่แพร่หลายมากว่าการส่งโดยมนุษย์ภายในปี 2030 ซึ่งรายได้จากบริการส่งของโดยโดรนน่าจะอยู่ที่ราว 2.75 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2030

 ทั้งหมดแล้ว คงต้องยอมรับว่าวิสัยทัศน์ของ ARK ในปี 2021 สามารถทำให้เราต้องตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยีที่จะมีผลกระทบมากกว่าที่เราคิด ทั้งในมิติต่อชีวิตประจำวันและมิติของวัฏจักรของชีวิตเราในอนาคต อย่างไรก็ดี  ผมก็มีความเห็นต่อไอเดียดังกล่าว ในแง่ที่ออกจะยังสงสัยและไม่ค่อยมั่นใจนัก อยู่ 3 ประการ ดังนี้

 1.ผมค่อนข้างไม่แน่ใจว่า ARK จะมีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ Conflict of Interest ในการเลือกโปรโมทแนวเทคโนโลยีที่อยากจะเชียร์หรือไม่ เนื่องจากเกือบทุกเทคโนโลยีที่กล่าวไว้ข้างต้น ล้วนจะเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ARK ทั้งสิ้น

 2.หากรวมมูลค่าตลาดของทุกเทคโนโลยีที่ ARK ประมาณการไว้ จะพบว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า มูลค่าดังกล่าว จะสูงกว่าจีดีพีโลกที่คาดการณ์ไว้ในตอนนั้นกว่าหลายเท่า

 3.ต้องยอมรับว่า เทคโนโลยีทั้งหมดที่ ARK นำเสนอในปี 2021 จะเป็นแนวทางหรือธีมที่เรารู้มาแล้วก่อนหน้านี้แทบทั้งสิ้น โดยหากพิจารณาให้ดีแล้ว น่าจะแทบไม่มีเทคโนโลยีแบบที่ใหม่เอี่ยมจริงๆซึ่งเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอยู่เลย