เกร็ดการเลือกตั้งของอเมริกา ทำไมต้องชนะที่ 270

เกร็ดการเลือกตั้งของอเมริกา ทำไมต้องชนะที่ 270

ข่าวการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาขณะนี้ กำลังแย่งชิงความสนใจจากปัญหาใหญ่อันดับหนึ่งคือ โรคระบาดCOVID-19 ที่ยังควบคุมไม่ได้

วันที่ 4 พ.ย. ในสหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อใหม่ 103,087 คน (เป็นสถิติใหม่) ผู้เสียชีวิตภายในวันเดียว 1,116 คน ผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลปัจจุบัน 52,049 คน

การเลือกตั้งครั้งนี้ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ หวังว่าจะมีการเปลี่ยนผู้นำ ซึ่งจะนำมาถึงการเปลี่ยนทิศทาง ของการต่อสู้กับโรคระบาดที่กำลังทำลายชีวิต สุขภาพและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และกระทบกระเทือนสั่นคลอนทั่วโลก

ข้อแตกต่างจากการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา คือการหาเสียงครั้งนี้มีข้อจำกัด เนื่องจากโรคระบาด จึงทำให้นโยบายของสองพรรคต่างกันมาก

Democrat ตัดสินใจงดการพบปะประชาชนโดยตรง เลี่ยงการเคาะประตูบ้านและการชุมนุมต่างๆ หันมาใช้การโทรศัพท์ text emails ฯลฯ เพื่อเคารพกฎหมายท้องถิ่นและช่วยลดการแพร่โรค ขณะที่ Republican เปิดรุกถึงบ้าน บ่อยครั้งที่ไม่กลัวในความเสี่ยงเรื่องสุขอนามัย แต่ก็เป็นยุทธวิธีที่ได้ผลดีพอสมควร เนื่องจากไม่มีคู่แข่ง

การลงคะแนนเสียงล่วงหน้าโดยตัวบุคคล หรือส่งบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์เป็นจำนวนกว่า 100 ล้านใบ เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในอเมริกามาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่ใช้วิธีนี้เป็น Democrats ซึ่งมีการประสานงานอย่างรัดกุม นอกจากจะทำให้มีผู้ใช้สิทธิ์มากขึ้นแล้ว ก็ยังเลี่ยงการเข้าแถวยาวอีกด้วยขณะที่ Republican ชี้ชวนให้ผู้สนับสนุนงดส่งทางไปรษณีย์ และไปเข้าแถวในวันเลือกตั้งจริง

การนับคะแนนในแต่ละรัฐ มีกฎหมายต่างกัน บางรัฐ เช่น Ohio นับกลุ่มคะแนนแบบล่วงหน้าก่อนที่จะเริ่มนับคะแนนของผู้ที่มาใช้สิทธิ์ในวันเลือกตั้งจริง จึงทำให้เกิดผลของการเลือกตั้งออกมา ที่เสียงเทไปด้านใดด้านหนึ่ง ตอนหัวค่ำ Democrat นำลิ่ว (blue mirage) แต่ดึกมากลายเป็น Republican แซงรัฐที่นับคะแนนผู้มาเลือกตั้งในวันนั้นก่อน และเก็บคะแนนทางไปรษณีย์ไปนับทีหลัง ก็จะเกิดปรากฏการณ์ตรงกันข้าม Republican นำตอนแรกแต่โดนแซงทีหลัง (red mirage) ตัวอย่างเด่นมากคือ Pennsylvania และ Georgia ซึ่งโดนตีตื้นตอนท้าย และมีโอกาสเป็นสองรัฐสำคัญ ที่ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์แพ้การเลือกตั้ง

การนับคะแนนอาจมียืดเยื้อไปจนถึงวันที่ 12 พ.ย. หรือต่อไปอีกหลายวัน และกฎหมายหลายรัฐระบุชัดเจนว่า หากคะแนนต่างกันไม่ถึง 1% ก็จะต้องมีการนับใหม่

ขณะที่การนับคะแนนเป็นไปอย่างรัดกุมและละเอียดตามกฎหมาย และยังไม่สามารถประกาศเป็นทางการว่า ใครชนะการเลือกตั้ง ผู้บริหารชุดปัจจุบันได้เตรียมการไว้แล้วว่า จะฟ้องร้องทางกฎหมาย เพื่อนับคะแนนใหม่ กล่าวหาว่ามีการโกง ซึ่งไม่มีหลักฐานมาสนับสนุน แต่เป็นกลยุทธ์กดดันทางการเมือง เพื่อรักษาผลประโยชน์ หรือวางหมากไว้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

หากการฟ้องร้อง และความวุ่นวาย ซึ่งอาจเกิดจากการยุแหย่ให้มีการเดินขบวนประท้วง หรือก่อจลาจล หรือปฏิเสธที่จะยอมรับผลการเลือกตั้ง หรือการตัดสินของศาล และใช้อำนาจยึดตำแหน่งไว้ ก็คงจะกระทบตลาดการเงินและหุ้นทั่วโลก ผู้ลงทุนหลายคน คงขายหุ้นทิ้งและถือเงินสดไว้บ้าง

แต่นี่อาจเป็นยุคใหม่ new หรือ next normal เพราะนับจากวันเลือกตั้ง 3 พ.ย. ติดต่อกันถึงสามวัน ถึงเวลาที่ผมเขียนบทความนี้ (6 พ.ย.) ตลาดหุ้นในอเมริกายังพุ่งแรงมาก โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ทางเทคโนโลยีและเกี่ยวข้องกับจีน ผมเคยเตือนให้ระมัดระวังช่วงนี้เป็นพิเศษ ในบทความสองครั้งที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนหุ้นพุ่งขึ้นสม่ำเสมอตลอด เป็นเวลาห้าวันติดต่อกันในช่วงการเลือกตั้งที่น่าตื่นเต้นเร้าใจครั้งนี้

หรืออาจเป็นเพราะว่า ผู้ลงทุนเห็นท่าทางค่อนข้างชัดเจนว่า จะมีการเปลี่ยนผู้นำใหม่ซึ่ง อดีตรองประธานาธิบดี Joe Biden เป็นบุคคลที่เขารู้จักดีพอสมควรตลาดหุ้นชอบสิ่งที่คาดคะเนได้ และพยายามหลีกเลี่ยงความหวือหวา 

ขอถือโอกาสนี้ตอบคำถาม ที่มีท่านผู้อ่านเป็นจำนวนมากถามมา เกี่ยวกับเรื่องของตัวเลข 270 “ทำไมถึงต้องได้ 270 ถึงชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกัน?”

อธิบายโดยสังเขปคือ นับตั้งแต่ปีค.ศ.1964 จำนวนผู้มีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียง เป็นตัวแทนของแต่ละรัฐ ในการเลือกประธานาธิบดีและรองฯ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเฉพาะกิจทุกสี่ปีนั้น (มาจากการเลือกตั้งภายในกฎหมายของแต่ละรัฐ) มีจำนวน 538 คน เรียกว่า Electors หรือ Electoral Voters

อเมริกามี 50 รัฐ แต่ละรัฐมีวุฒิสมาชิก 2 คน = รวม 100 คน

รัฐธรรมนูญกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ 435 คน จากทั้งหมด 50 รัฐ ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของประชากร รัฐใดที่มีประชากรมากก็จะมีจำนวนส.ส. (ประมาณ 711,000 คนต่อส.ส. 1 คน)

Electoral voters จากแต่ละรัฐจำนวนไม่เท่ากัน เช่นแคลิฟอร์เนียมีส.ส. 53 คน เพราะมีประชากรมาก บวกกับวุฒิสมาชิก 2 คน California จึงมี 55 electors

รัฐเล็กอาจมีส.ส.เพียงแค่ 1 คน รวมวุฒิสมาชิก 2 คน จึงมีเพียงแค่รัฐละ 3 คน เช่น Alaska, Delaware, Montana, North Dakota, South Dakota, remote in Wyoming

Washington DC เมืองหลวงของอเมริกา มีศักดิ์ศรีคล้ายรัฐ ได้ 3 electors แม้ไม่มีวุฒิสมาชิกและส.ส.

48 รัฐ มีกฎหมายว่าใครชนะรัฐไหน ต้องยกทุกคะแนนของรัฐนั้นให้ผู้ชนะ (winner-take-all)

ยกเว้น 2 รัฐ คือ Maine กับ Nebraska จะต้องยกคะแนนเสียงให้ตามผู้ที่ชนะเฉพาะในเขตของส.ส.นั้น (congressional district method)

100+435+3 = 538/2 = 269 เพราะฉะนั้น 270 จึงชนะครับ

ข่าวการเลือกตั้งของอเมริกา มีผู้ติดตามจากเมืองไทยเหมือนเป็นการเลือกตั้งของเราเอง เพราะความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมของประเทศทั้งสองใกล้ชิดกันมาก

เตรียมตัวมาลงทุน มาศึกษาและท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกาได้แล้วครับ วันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า ประธานาธิบดีคนใหม่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง นโยบายโลกาภิวัตน์ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชัดเจน การส่งเสริมและลงทุนกับพลังงานสะอาด และการให้ความสำคัญเร่งด่วนดูแลสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่เรายินดีต้อนรับและพร้อมจะร่วมมือ

หวังว่าจากวันนี้ไปจนถึง 20 ม.ค. โลกเราจะโชคดีเข้าสู่นิมิตใหม่ สหรัฐอเมริกาจะเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ และเป็นตัวอย่างที่ดีของความมั่นคงตามระบอบประชาธิปไตย เน้นที่เสรีภาพส่วนบุคคลและการค้าแบบเสรี ส่งเสริมการแข่งขันแต่เคารพขอบเขตของกฎหมายระหว่างประเทศและอธิปไตยของทุกประเทศครับ