เที่ยว (ไทย) ด้วยกัน โปรฯสุดคุ้ม

เที่ยว (ไทย) ด้วยกัน  โปรฯสุดคุ้ม

เศรษฐกิจโลกขณะนี้กำลังซบเซา เพราะผลกระทบหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

การปิดพรมแดนถือเป็นดาบสองคม ทำให้ธุรกิจต้องพึ่งเม็ดเงินจากคนในประเทศ

นโยบายเราเที่ยวด้วยกันนั้นเป็นกลไกที่ดีที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของเงิน ไหลจากกระเป๋าของผู้มีเงินเก็บออกไปสู่โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ซึ่งในที่สุดเม็ดเงินก็ไหลจากเจ้าของธุรกิจไปยังลูกจ้าง เจ้าหนี้การค้า ทำให้เงินในระบบหมุนเวียนและเกิดการเติบโตของเศรษฐกิจ รัฐก็เก็บภาษีได้เพิ่ม นี่คือไอเดียสำคัญของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลก

ข้อดี ของการโครงการเราเที่ยวด้วยกัน คือ

1. จองโรงแรมได้ลด 40% ถึง 10 คืนหรือ 10 ห้อง ทำให้ราคาค่าโรงแรมถูกลงอย่างมีนัยสำคัญ และราคาที่หลากหลายเริ่มตั้งแต่หลักร้อยไล่ไปจนถึงหลักพัน ก็การันตีว่าโครงการนี้ค่อนข้างทั่วถึงไม่ลำเอียงให้ผลประโยชน์กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากเป็นพิเศษ เพราะไม่ว่าโรงแรมขนาดไหน หรือผู้บริโภคกระเป๋าหนักหรือเบาก็ใช้ประโยชน์ได้อย่างเท่าเทียม

2. ใช้จ่ายค่าอาหารได้ส่วนลดอีก 40% โดยมีเพดานส่วนลดสูงสุดคือ 600 บาทต่อวันสุดสัปดาห์ และ 900 บาทต่อวันธรรมดา พูดได้ว่า หากท่านพาครอบครัวไปทานอาหารเย็นราคาเต็มที่ 1,500 แต่เมื่อคิดแล้วท่านจะเสียเงินจริง ๆ แค่ 900 บาท เท่านั้น

3. ใช้ลดค่าตั๋วเครื่องบิน 40% โดยมีเพดานส่วนลดสูงสุดคือ 2,000 บาทต่อคน ซึ่งถือว่าเป็นการกระตุ้นการเดินทางระยะไกล กระจายการกระจุกตัวของเม็ดเงินไม่ให้รวมศูนย์อยู่ในบริเวณรอบเมืองใหญ่

เชื่อว่าคนไทยอีกไม่น้อยที่ยังสับสนกับนโยบายนี้ เพราะมีขั้นตอนพอสมควร ตั้งแต่การลงทะเบียน การติดตั้งแอพพลิเคชั่นกระเป๋าตังค์ในมือถือ ตลอดจนการจองโรงแรมผ่านเครือข่ายที่รัฐกำหนด ไล่ไปจนถึงการทำเรื่องขอเงินคืน ซึ่งโดยแท้จริง ๆ แล้วก็ทำได้ไม่ยาก หากใช้เวลาศึกษาสักนิด หรือจะเลือกทางที่ง่ายที่สุดคือให้เพื่อนหรือลูกหลานช่วยจัดการให้ก็เป็นทางเลือกที่ดี

ประเทศไทยของเราพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก ประมาณการแล้วก็คือ 10% ของ GDP จากจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 40 ล้านคนที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยในแต่ละปี โดยที่นักท่องเที่ยวเหล่าใช้เงินกว่า 40,000-50,000 บาทต่อหัว ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในไทยกว่า 3 ล้านล้านบาท

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ของธนาคารกรุงไทย ประมาณการว่า ในปี 2563 นี้ตัวเลข 3 ล้านล้านนี้จะหดลงเหลือเพียง 2 ล้านล้านบาท คือหดไป 2 ใน 3 จากประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงจากเดิมที่ 40 ล้านคนเหลือเพียง 6.8 ล้านคน ซึ่งตัวเลขจริงอาจจะน้อยกว่านั้นเพราะผ่านไปแล้วค่อนปี เราก็ยังเปิดประเทศไม่ได้

ถึงเวลาแล้ว ที่เราคนไทยจะต้องช่วยกัน รัฐจึงออกนโยบายเพื่อกระตุ้น คนที่พอมีเงินเก็บให้ช่วยออกมาจับจ่ายใช้สอยท่องเที่ยวภายในประเทศ สื่อก็ควรช่วยกันสื่อสารเผยแพร่นโยบายที่มีขั้นตอนมากไม่ถูกจริตกับความง่าย ๆ ของคนไทย ให้ออกมาเข้าใจง่ายเพื่อคนส่วนใหญ่ที่มีกำลังจะได้ออกมาจับจ่ายกัน

เรามีบทเรียนจากวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งและผ่านพ้นมันมาได้ เราก็จะต้องผ่านพ้นวิกฤติโควิดนี้ได้เช่นกัน มองในแง่ดี ตอนนี้คนไทยได้รับประโยชน์มากเพราะเงินที่มีอยู่ในกระเป๋ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นหากนำออกมาใช้ตอนนี้ ได้ทั้งที่พักอาหารที่คุ้มค่า ได้ใช้เวลากับครอบครัวคนที่รัก และที่สำคัญคือได้ช่วยเพื่อนร่วมชาติในหลาย ๆ อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติครั้งนี้

โปรสุดคุ้ม เที่ยว (ไทย) ด้วยกันนี้หมดเขต 31 ต.ค.นี้ และสิทธิในโปรสุดคุ้มนี้ก็ยังเหลืออีกเป็นล้าน ๆ สิทธิ ดังนั้นรีบกันหน่อยครับ