เมื่อเรื่องจริงกับเรื่องสมมุติร่วมกันฆ่ามนุษยชาติ

เมื่อเรื่องจริงกับเรื่องสมมุติร่วมกันฆ่ามนุษยชาติ

ณ วันนี้ จำนวนผู้ป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 คงอยู่ที่ราว ๓๐ ล้านคนและตายแล้วในราว 1 ล้านคน นอกจากจำนวนดังกล่าวซึ่งได้รับการยืนยันแล้ว

น่าจะมีส่วนที่ไม่มีการยืนยันอีกมาก  ผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐคาดว่า ส่วนที่ไม่มีการยืนยันอาจสูงถึง 10-20 เท่าก็ได้  หลายประเทศดูจะระงับการระบาดของไวรัสร้ายตัวนี้ได้  แต่โดยทั่วไปคาดกันว่ามันจะกลับมาระบาดอย่างกว้างขวางอีกครั้ง ทั้งจากตัวเดิมและจากการกลายพันธุ์  ผลสุดท้าย มันจะทำให้มนุษยชาติล้มตายเท่าไรยังไม่สามารถคาดเดาได้  จำนวนผู้ตายอาจไม่ถึงในระดับของไข้หวัดใหญ่สเปนซึ่งระบาดเมื่อ 100 ที่แล้วก็ได้  การฆ่ามนุษยชาติโดยไวรัสตัวนี้เป็นเรื่องจริง  มิใช่เกิดจากการสมมุติขึ้นเพื่อหลอกลวงกันตามที่ผู้ยึดทฤษฎีสมคบคิดบางคนกล่าวหา

ผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเกิดจากไวรัสโควิด-19 ร้ายแรงมาก  คนตกงานรวมกันอาจเป็นหลัก 100 ล้านคน  เศรษฐกิจถดถอยอย่างหนัก และความอดอยากเพิ่มขึ้นทั่วโลก  นี่ก็เป็นเรื่องจริง  มิใช่การหลอกลวงอันเกิดจากการสมคบคิดกันของคนบางกลุ่มตามคำกล่าวหา  ผลกระทบร้ายแรงอันเป็นความจริงนี้มีผลต่อด้านการสมมุติของมนุษยชาติซึ่งมีผลร้ายแรงเช่นกัน  ขณะนี้ผลกระทบของทั้ง 2 ด้านกำลังรวมตัวกันฆ่ามนุษยชาติทั้งแบบทันทีและแบบผ่อนส่ง      

การตกงานและความอดอยากทำให้ชาวบราซิลจำนวนมากทิ้งที่อยู่อาศัยในเมืองไปค้นหาทองคำในป่าอเมซอนเนื่องจากราคาของทองคำสูงมาก  คอลัมน์นี้เคยเอ่ยถึงแล้วว่า ราคาของทองส่วนใหญ่มิได้สะท้อนค่าจริงของมัน หากเป็นค่าที่มนุษย์สมมุติขึ้น ทั้งนี้เพราะทองที่ขุดขึ้นมาจากธรรมชาติส่วนใหญ่มิได้ใช้ให้เกิดประโยชน์จริงจำพวกในเครื่องใช้อีเล็กทรอนิกส์ หากเปลี่ยนเป็นเครื่องประดับและทองแท่งเก็บไว้ในห้องนิรภัย  ในยามคับขัน ทองหนึ่งกระสอบไร้ค่าถ้าเปรียบกับข้าวสารหนึ่งกระสอบ  แต่มันก่อให้เกิดรายจ่ายเพื่อเก็บไว้ในห้องนิรภัยและอาจก่อให้เกิดอันตรายจากปล้นฆ่าอีกด้วย

การไปค้นหาทองของชาวบราซิลทำลายทั้งป่าไม้ สายน้ำ ดินและตัวของผู้ไปค้นหาทองเองเนื่องจากต้องเผาป่าทิ้ง ต้องขุดดิน ต้องใช้สารปรอดแยกทอง ต้องปล่อยปฏิกูลต่าง ๆ รวมทั้งส่วนตกค้างของปรอดลงสายน้ำ และผู้แยกทองมักต้องสูดควันของสารปรอดเข้าปอดตนเอง  ผลร้ายของสิ่งเหล่านี้อาจไม่ปรากฏให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แบบทันตาเห็น แต่มันเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการตายผ่อนส่งในระยะยาว  รัฐบาลไม่ใส่ใจ หรืออาจมองไม่เห็นว่าการประเมินค่าของทองนั้นเป็นเพียงเรื่องสมมุติและการตายผ่อนส่งเป็นเรื่องจริง

ในช่วงที่ทั่วโลกกำลังถูกไวรัสโควิด-19โจมตีอยู่นี้ มิใช่ในบราซิลเท่านั้นที่รัฐบาลเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ปล่อยให้การสมมุติของมนุษย์เป็นฆาตกรผ่อนส่ง  ในหลายประเทศก็เช่นกัน  ในสหรัฐ  รัฐบาลเพิ่งยุติการยับยั้งเหมืองทองขนาดยักษ์ในรัฐอะแลสกาหลังจากยับยั้งมาหลายปี  เหมืองนี้จะมีผลกระทบต่อระบบนิเวศสูงมาก  นอกจากนั้น มันยังจะกระทบวิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองดั้งเดิมในย่านนั้นอีกด้วย  แต่รัฐบาลและบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ใส่ใจเพราะทองคำที่ขุดออกมาจะมีมูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์ทั้งที่มูลค่านั้นเป็นค่าสมมุติ  ส่วนค่าของชีวิตและระบบนิเวศเป็นค่าจริงแม้จะวัดออกมาเป็นดอลลาร์ได้ยากก็ตาม

ในเมืองไทย บริษัทข้ามชาติเพิ่งแสดงความประสงค์จะค้นหาแร่ทองคำในพื้นที่เกือบครึ่งล้านไร่ ทั้งที่บริษัทนี้ยังมีข้อพิพาทอยู่กับรัฐบาลเรื่องเหมืองทองคำที่บริษัทเคยทำมีผลกระทบสูงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชาวบ้านในย่านใกล้เหมือง  ในยามที่เศรษฐกิจตกอยู่ในสภาพวิกฤติ การลงทุนและมูลค่าของทองคำที่จะตามมาเป็นแรงจูงใจที่อาจทำให้รัฐบาลลืมไปว่า มูลค่านั้นเป็นเรื่องสมมุติ  ส่วนผลกระทบที่ตามมาเป็นเรื่องจริง  ในการต่อสู่กับไวรัสโควิด-19 รัฐบาลไทยทำได้ดีกว่ารัฐบาลสหรัฐและบราซิล  รอดูต่อไปว่าเรื่องค่าสมมุติของทองคำกับค่าจริงของชีวิตและของระบบนิเวศ รัฐบาลไทยจะมองเห็นได้ดีกว่าหรือไม่