VUCA กับการปลดแอกของกลุ่มอัตลักษณ์ทางการเมือง

VUCA กับการปลดแอกของกลุ่มอัตลักษณ์ทางการเมือง

ความปั่นป่วนของอเมริกาในวันนี้ วันที่ผู้ติดเชื้อ COVID-19 กันห้าล้านตายไปแล้วหลายแสนคน และพลเมืองหลายกลุ่มชนเกลียดชังกันอย่างหนัก

เมื่อเกิดคดี George Floyd เป็นปัจจัยสำคัญให้คนมองไปไกลถึงยุค Post Trump กันแล้ว สมกับราคาในโพลล์ที่ประธานาธิบดีจอมอื้อฉาวเป็นรองผู้สมัครของพรรคเดโมแครต ห่างขึ้นเรื่อยๆ หลายชาติที่เคยและกำลังได้รับผลกระทบจากนโยบายของ Donald Trump กำลังเชียร์ให้ Joe Biden ชนะเลือกตั้ง พ.ย.63 ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ รวมทั้งจีน ที่ตอนนี้ทรัมป์ใช้เป็นเป้าเบี่ยงประเด็นความล้มเหลวภายในประเทศเล่นงานอย่างหนัก กระนั้นก็ตาม เชื่อได้หรือว่าหากทรัมปฺลงจากอำนาจไปแล้ว ความสัมพันธ์จีนจะดีขึ้น ดูทรงแล้วไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น

ยุทธศาสตร์กอบกู้คะแนนนิยมที่กำลังตกต่ำของผู้นำชาติด้วยการหาเรื่องทำศึกกับศัตรูต่างแดนนั้นมิใช่เรื่องใหม่ ผู้นำหลายคนเคยทำ แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ตัวแปรสำคัญคือประชาชนและเครื่องมือในการรบ และผลที่ออกมาสามารถชี้ชะตาผู้นำได้ เมื่อปี 2525 รัฐบาลทหารของอาร์เจนติน่าที่กำลังโดนชาวบ้านประท้วงขอคืนประชาธิปไตย พวกเขากลับไปปลุกกระแสชาตินิยมทวงคืนหมู่เกาะ Folklands จากอังกฤษ ประชาชนเอาด้วยก็จริง แต่กองทัพอาร์เจนติน่าต่อกรกับอังกฤษที่มีแสนยานุภาพสูงกว่าไม่ไหว ผลคือรัฐบาลของประธานาธิบดี Leopoldo Galtieri ต้องล่มและคืนอำนาจให้ประชาชน

ช่วงปีนี้ทรัมป์เล่นงานจีนอย่างหนักโดยไม่อ่อนข้อให้ ผิดวิสัยที่เจรจาต่อรองเล่นล่อเอาเถิดอย่าง 3 ปีก่อน ทั้งขึ้นภาษีจริงจัง แบนบริษัท อายัดทรัพย์ ตัดสิทธิฮ่องกง ส่งเรือเข้าทะเลจีนใต้ เดินเกมผูกพันธมิตร ไม่มีช่องให้จีนเจรจาได้เลย ทุกอย่างรวดเร็วและแรง  ทั้งหมดนี้อาจไม่สามารถทำให้รัฐบาลรีพับลิกันทำคะแนนกลับมาได้ชัยในการเลือกตั้งปลายปี แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาทำให้ทั้งโลกเห็นคือ อเมริกาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในประเด็นจีนเป็นอย่างมาก ทรัมป์จะทำไม่สำเร็จเลยถ้าในรัฐสภาซึ่งมีศัตรูของเขาอยู่คัดค้านไม่เอาด้วย ราชการเฉยชาหรือคัดง้าง หรือมิตรประเทศโดยเฉพาะในยุโรปนิ่งเฉย แต่ไม่มีใครอุทธรณ์ให้จีนเลย ประเด็นที่อเมริกายกมาเล่นงานจีนแต่ละอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องจารกรรมเทคโนโลยี ละเมิดสิทธิฮ่องกงและอุยกูร์ ดูเหมือนจะได้รับการยอมรับโดยดุษฏีในหมู่พันธมิตรของรัฐบาลวอชิงตัน

การรุกของอเมริกาต่อจีนนั้นจะค่อยๆ จางหายไปหลังจากได้รัฐบาลนายไบเดนขึ้นมาครองประเทศอย่างเต็มตัวในปีหน้าจริงหรือ นั่นเป็นประเด็นที่จีนหวังมากจึงมีข่าวว่าจีนแทรกแซงการเลือกตั้งหวังให้ไบเดนโค่นทรัมป์ให้ได้  ข่าวคราวของปีที่แล้วที่ลูกชายไบเดนทำธุรกิจอยู่กับจีน และอดีตของรัฐบาลเดโมแครตส์ยุค Barack Obama ที่ถึงแม้ให้ความสำคัญต่อการย้ายความสนใจมายังเอเชียด้วยนโยบาย Pivot to Asia ก็ยังเน้นการเจรจามากกว่าการรุกบีบคั้นจริงจังต่อบริษัทจีนแบบนี้ แต่ถ้ามองกันอย่างลึกซึ้งเดโมแครตส์เปลี่ยนความคิดที่จะให้รอมชอมกับจีนแล้วในปีนี้

ทั้งนี้เพราะท่าทีของจีนเองนั่นล่ะที่รุกโลกอย่างมาก สยายปีกท้าทายคุกคามท้าทายผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ไม่หยุดหย่อนจนอเมริกันชนน้อยใหญ่ ตลอดจนมิตรสหายจำนวนมากไม่พอใจ กลายเป็นยืนข้างทรัมป์โดยปริยาย  การที่อเมริกันชนเชื่อว่าจีนปกป้องการแพร่กระจายไวรัส COVID-19 มาจนถึงการเห็นจีนแทรกแซงฮ่องกงและบีฑาอุยกู่ร์อย่างหนัก ทำให้กระแสความไม่พอใจของชาวอเมริกันต่อจีนในปีนี้สูงขึ้นมากทุกโพลล์ เดโมแครตส์จึงต้องเปลี่ยนนโยบายที่ดูเหมือนว่าจะอ่อนกับจีนเกินไป และการเปลี่ยนนโยบายหาเสียงนี้เองที่ทำให้ไบเดนซึ่งคะแนนนิยมเป็นรองทรัมป์กลับขึ้นมาแซงนำในเวลานี้

รากฐานเดิมอเมริกันชนไม่พอใจจีนอยู่แล้ว และอาจชนกับจีนจนจีนไม่สามารถมายืนจนถึงจุดนี้ได้ หากเมื่อ 20 ปีก่อนไม่หันเหความสนใจมุ่งไปทำสงครามปราบปรามผู้ก่อการร้ายคลั่งศาสนาอย่างจริงจัง คนอเมริกันจำนวนมากเชื่อว่าวันนี้ที่จีนผงาดอย่างยิ่งใหญ่ก็เพราะสหรัฐฯ ละเลยที่จะปกป้องสิทธิทรัพย์ต่างๆ ปล่อยให้จีนล้วงไปต่อยอดทำลายอเมริกา ฟากฝ่ายเดโมแครตจับกระแสนี้ได้ในปีนี้ นโยบายหาเสียงของฝ่ายไบเดนจึงไม่มีอ่อนให้จีน พวกเขาเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ ขายอาวุธให้ไต้หวัน ด่าการกระทำของจีนในฮ่องกง ทั้งยังหาว่าทรัมป์น่ะยังอ่อนเกินไป ในนโยบายกับจีนไม่เหมาะสมมีประสิทธิภาพเพียงพอ มัวแต่เน้นผลประโยชน์การค้ามากกว่าผลประโยชน์ของชาติ ของเดโมแครตส์สิแน่นอนกว่า อเมริกาจะยิ่งใหญ่มั่นคงจริง ไม่ยอมให้จีนละเมิดผลประโยชน์ของอเมริกาได้อีก

ไบเดนที่กำลังนำในเวลานี้จะชนะหรือไม่นั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ฝ่ายรีพับลิกันที่คะแนนเสียงเป็นรองนั้นทะยานโจมตีจีนอย่างเต็มที่แล้ว พร้อมทั้งความร่วมมือจากหลายฝ่าย สิ่งเหล่านี้จะไม่ลดลงหลังการเลือกตั้ง ไม่มีฝ่ายใดจะได้เป็นประธานาธิบดี ผู้ที่จะเปลี่ยนกระแสอเมริกันชนได้ก็คือจีน แต่จีนจะทำได้ขนาดไหน เพราะจีนก็อยู่ในสภาวะสุดล้าเหมือนกัน จีนต้องทะยานต่อเพื่อไม่ให้ปัญหาในประเทศมาทันกินหางของตัว ขณะที่ประเด็นในซินเจียง ฮ่องกง ทะเลจีนใต้ ก็ล้วนเป็นประเด็นของหน้าตาและอธิปไตยที่จีนก็ถอยไม่ได้เหมือนกัน เห็นอย่างนี้แล้วคงจะทราบว่าโลกปี 2564 จะดุเดือดกว่าปีนี้เสียอีก