รู้อะไรไม่สู้ ‘รู้งี้’

รู้อะไรไม่สู้ ‘รู้งี้’

หลังจากที่กิจการต่าง ๆ เริ่มทยอยกลับมาเปิดให้บริการ ดิฉันได้มีโอกาสคุยกับผู้นำองค์กรหลายองค์กร พบว่าจากเดิมที่มองโควิดเป็นวิกฤติ

วันนี้ผู้นำองค์กรหลายคนหันมาขอบคุณโควิด ที่เป็นเหมือนโอกาสที่จากเดิมคิดมานานว่าจะทำ แต่ไม่ได้ลงมือทำสักที

คิดมานานแล้ว  องค์กรเราต้อง Lean กว่านี้ ตอนนี้มีคนเยอะไป แต่ก็ต้องจ้างเผื่อๆ ไว้ เพราะกลัวหากหายไปคนหนึ่งแล้วหาคนใหม่มาเติมไม่ทัน เดี๋ยวมากระทบกับการดำเนินกิจการ พอเกิดวิกฤติ ต้องปรับกำลังคนใหม่ ไม่อย่างนั้นไม่มีเงินจ้าง จะอยู่รอดได้ จากนี้คนต้องหายไปครึ่งหนึ่ง แผนกหนึ่งจากเดิมมี 8 คน จากนี้ไปต้องเหลือ 4 คน แรก ๆ ก็มีเสียงบ่น แต่สุดท้ายได้เห็นมหัศจรรย์แห่งศักยภาพมนุษย์ ที่สามารถยืดตัวเองออกให้ทำงานที่มากขึ้นและยากขึ้นได้ ส่งผลให้กิจการสามารถดำเนินไปได้ จากเดิมตัวเลขขาดทุน แค่เอาความอุ้ยอ้ายออกไป ตอนนี้ตัวเลขกลับกลายเป็นกำไร ทั้ง ๆ ที่ยอดขายก็ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม รู้งี้ทำมานานแล้ว

คิดมานานแล้ว พนักงานคนนี้มีทัศนคติไม่ดี ไม่พอใจอะไรก็เอาเรื่องหัวหน้า เรื่องบริษัทลงไปโพสต์ลงเฟสบุ๊คส่วนตัว แต่ก็ยังคงเก็บพนักงานคนนี้ไว้ เพราะทั้งแผนกมีคนนี้คนเดียว ถ้าให้ออกไปแล้วใครจะมาทำ ถ้าจะตักเตือนก็กลัวว่าจะยิ่งไปโพสต์ด่าบริษัทหนักกว่าเดิม พอเกิดวิกฤติขึ้นมา พบว่าคน ๆ นี้ยิ่งป่วนหนักขึ้นไปอีก ขอความร่วมมืออะไรก็ไม่ทำ แถมไปก่อหวอดให้คนอื่นต่อต้านบริษัทไปด้วย สุดท้ายเมื่อต้องลงคนขึ้นมาจริง ก็ต้องถือโอกาสเชิญคน ๆ นี้ออกไปก่อน ปรากฏพอคนๆ นี้ออกไป คนอื่นที่เหลือกลับมามีแรงบันดาลใจ ร่วมไม้ร่วมมือต่อสู้ไปกับองค์กร รู้งี้ทำมานานแล้ว

คิดมานานแล้ว ต้องทำ eCommerce แต่ทีมขายบอกเรายังไม่พร้อม เพราะธุรกิจเราอาศัยความสัมพันธ์เป็นหลัก ถ้าไม่ไปเจอหน้า ลูกค้าไม่ซื้อแน่ ทีมขายยังต้องเดินทางไปออกเขต ตระเวนเจอลูกค้าเหนือจรดใต้ พอเกิดวิกฤติขึ้นมา คราวนี้ลูกค้าก็ไม่อยากเจอ เดินทางก็ไม่ได้ เลยต้องยอมขายผ่าน  eCommerce  ก็เห็นลูกค้าก็เข้ามาซื้อได้ แถมยังประหยัดต้นทุน ค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง รู้งี้ทำมานานแล้ว

คิดมานานแล้ว อยากให้พนักงานทำงานจากที่ไหนก็ได้ แต่กลัวว่าบางงานต้องมาเข้าระบบที่ออฟฟิศ กลัวว่าพนักงานจะทำงานจริงหรือไม่ กลัวว่าถ้าไม่เจอกันแล้วความผูกพันต่อองค์กรจะต่ำลง กลัวว่าหากให้ทีมที่ทำงานจากบ้านได้แล้วทีมอื่นจะว่าอย่างไร กลัวว่าผลงานจะไม่ออก พอเกิดวิกฤติ 3 เดือนที่ผ่านมา ไม่เห็นต้องมาออฟฟิศก็ยังทำงานได้เหมือนเดิม แถมกลับทำงานมากกว่าเดิม คุยกันบ่อยกว่าเดิม รู้งี้ทำมานานแล้ว

 “รู้อะไรไม่สู้ รู้งี้”

 ผู้นำองค์กรหลายคน รู้ทั้งรู้ถึงปัญหา อุปสรรค โอกาส แต่กลับหยุดโอกาสแห่งความสำเร็จที่ตนเองฝันด้วยแค่ยังไม่ลงมือทำ เหมือนกับที่ เดฟ แรมซีย์ ได้กล่าวไว้ว่า “องค์กรไม่ได้ถูกจำกัดด้วยโอกาส แต่ถูกจำกัดด้วยผู้นำองค์กรเองต่างหาก”

 Organizations are not limited by their opportunity; they are limited by their leader.” Dave Ramsey

 เมื่อรู้งี้แล้ว หากหมดวิกฤติ อย่าปล่อยให้ความคุ้นชินเดิม ๆ กลับมาหยุดโอกาสดี ๆ ในอนาคตนะคะ