เพราะมาตรการรัฐกับความร่วมมือของประชาชนส่งผลให้การควบคุมโรคระบาดอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ธุรกิจและห้างร้านทยอยเปิดทำการด้วยวิถีปฏิบัติใหม่
สวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวเริ่มเปิดทำการเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ รัฐบาลประเทศต่างๆ เริ่มทยอยพิจารณาการเปิดประเทศอีกครั้ง เพื่อเปิดรับการค้าการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
การปิดเมืองหรือ lockdown นั้นทำให้ประชาชนอึดอัด แต่ถือเป็นความอึดอัดที่จำเป็นและต้องจำยอมเพื่อการควบคุมโรค การทยอยเปิดเมืองในบางจังหวัดและในบางอุตสาหกรรม ห้างร้าน สถานี่ที่ท่องเที่ยวทำให้ประชาชนคลายความอึดอัดลง เริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยภายใต้วิถีชีวิตใหม่ที่ต้องระวังและป้องกันโรค
ไม่มีสิ่งใดที่จะพักผ่อนหย่อนใจหรือสร้างความสุขให้กับคนทั่วไปหลังจากการปิดเมืองไปกว่า การท่องเที่ยวการทานอาหารนอกบ้าน และการชอปปิงอีกแล้ว
และเพราะการท่องเที่ยวนั้นคือกลจักรหลักในการทำรายได้เข้าประเทศไทย หรือคิดเป็น 10% จาก GDP และไม่ใช่เพียงแต่รัฐไทยเท่านั้น แต่ประเทศทั่วโลกต่างก็ใช้การท่องเที่ยวเป็นจักรกลสำคัญในการหารายได้ ดังนั้นวันนี้ผมอยากจะมาเล่าให้ฟังถึงเครื่องมือและนโยบายต่างๆ ในต่างประเทศที่เริ่มทยอยออกมากระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจกันครับ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเปิดแคมเปญ Amazing Trusted Thailand หรือภาค 2 ของ Amazing Thailand อันโด่งดังในอดีต เพื่อรับมือภาวะซบเซาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังโรคโควิด-19 ซึ่งส่วนตัวผมว่าแค่ชื่อ ก็ดีแล้ว คือไม่ใช่แค่อัศจรรย์ประเทศไทย แต่ยังปลอดภัยอุ่นใจอุ่นกายอีกด้วย
โควิด-19 นั้นมีอานุภาพทำลายล้างสูงและมีแนวโน้มต่อเนื่องจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกัน ดังนั้นการออกมาจับจ่ายใช้สอย ทานข้าวนอกบ้าน ออกไปเที่ยวพักผ่อน นอกจากจะช่วยคนอื่นแล้วยังช่วยตัวเองอีกด้วย เพราะเงินที่หมุนในระบบย่อมดีกว่าการเก็บเงินไว้ หากเศรษฐกิจในภาคใดภาคหนึ่งตกต่ำก็ย่อมส่งผลกระทบต่ออีกภาคส่วนอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พูดได้ว่าภายใต้ภาวะหดตัวของเศรษฐกิจนี้ ดีลดีๆ ล้วนรออยู่ครับ โรงแรมร้านอาหารดี ๆ ที่ราคาสมเหตุผลนั้นมีมากมาย และสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมีเอกลักษณ์ของจังหวัดต่างๆ ในประเทศก็ล้วนน่าสนใจและน่าค้นหาทั้งสิ้น
การเพิ่มมาตรการในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ที่เข้มข้นขึ้นจนบางครั้งอาจจะดูน่ารำคาญ อย่างการลงชื่อเข้าออกร้านอาหารร้านค้าด้วย แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ถือเป็นแนวทางที่ดี แต่ก็ต้องระวังและพิจารณาสมดุลระหว่างความปลอดภัยและการกักกันควบคุมโรคกับความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพอื่นๆ
ขณะที่การท่องเที่ยวเดินทางระหว่างประเทศนั้นยังมีขั้นตอนและมาตรการมากมาย อาทิ การขอวีซ่า การกักตัวเพื่อเฝ้าระวังการแพร่กระจายของเชื้อโรค จึงมีความคิดเกี่ยวกับความร่วมมือในภูมิภาคหรือกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีความเชื่อมั่นระหว่างกัน เพื่อเป็นทางออกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการท่องเที่ยว เดินทาง หรือเคลื่อนย้ายสินค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ
“ทรานส์แทสมัน” ระเบียงการท่องเที่ยวปลอดโควิด-19 (Trans-Tasman COVID-safe travel Zone) ระหว่างทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ถือเป็นตัวอย่างของความเชื่อใจระหว่างกัน ที่เอื้ออำนวยให้เศรษฐกิจการเคลื่อนย้ายสินค้า การท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศเป็นไปอย่างสะดวกโดยไม่ต้องมีมาตรการกักกันโรค 14 วันหรือการขอวีซ่าแต่อย่างใด
เราประชาชนไทยทุกคนสามารถช่วยกัน ประสานความร่วมมือในการจัดการบริหารชีวิตและประเทศหลังโรคโควิด-19 ด้วยสติภายใต้วิถีใหม่ ทำให้ประเทศปลอดภัยปลอดโรค เพื่อเป็นกลไกหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อปากเพื่อท้องของคนไทยทุกคน