โรคระบาด 'โคโรน่าไวรัส' ประเทศไทยและสถานการณ์โลก

โรคระบาด 'โคโรน่าไวรัส' ประเทศไทยและสถานการณ์โลก

สถานการณ์โคโรน่าไวรัส โรคระบาด "โควิด" ประเทศไทยและสถานการณ์โลก

สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ COVID-19 (13 เม.ย.) ยอดผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 1,851,011 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ 114,098 ราย ส่วนผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว มีจำนวน 422,566 ราย

ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในโลก ยังคงเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้ติดเชื้อจำนวน 559,968 ราย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 27,089 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 22,036 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1,459 ราย ส่วน ประเทศจีน ชาติที่เป็นจุดเริ่มแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 82,056 ราย เมื่อวันอาทิตย์ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ส่วนยอดผู้เสียชีวิตของจีนอยู่ที่ 3,339 รายและไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม

ผู้ติดเชื้อประเทศกลุ่มเอเชีย อินเดียนำมาเป็นอันดับแรก ญี่ปุ่นอยู่อันดับที่ 25 มาเลเซียอยู่ที่ 34  ฟิลิปปินส์อันดับที่ 36 อินโดนีเซียอันดับที่ 38 ประเทศไทย อันดับที่ 48 และสิงคโปร์ อันดับที่ 50

เมื่อมองที่ ประเทศไทย ของเรา นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) หรือ โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 13 เม.ย. 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล

โรคระบาด \'โคโรน่าไวรัส\' ประเทศไทยและสถานการณ์โลก

พบว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 28 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 2,579 ราย ใน 68 จังหวัด เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 40 ราย รักษาหายป่วยเพิ่มขึ้น 70 ราย รวมกลับบ้านแล้ว 1,288 ราย

โฆษก ศบค. เปรียบเทียบผู้ป่วยระหว่างกรุงเทพฯ นนทบุรี และต่างจังหวัด ว่า แนวโน้มของต่างจังหวัดลดลง ขณะที่กรุงเทพฯ ยังมีขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ แต่มีแนวโน้มลดลงจากสัปดาห์ก่อนมาก
 
"จำนวนผู้ป่วยยืนยัน 2 สัปดาห์ล่าสุด จำแนกตามปัจจัยเสี่ยง พบว่า อันดับที่ 1 ยังเป็นผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายยืนยันก่อนหน้านี้ อันดับที่ 2 คือคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ อาชีพเสี่ยงทำงานในสถานที่แออัด รวมถึงบุคลากรทางแพทย์ เป็นอันดับ 3 และ 4 สถานบันเทิง อันดับ 5 ซึ่งสาเหตุที่ต้องปิดสถานบันเทิงเพราะอยู่ใน 5 อันดับแรกที่ทำให้เกิดการติดเชื้อโควิด-19 " โฆษก ศบค. ระบุ

โรคระบาด \'โคโรน่าไวรัส\' ประเทศไทยและสถานการณ์โลก
 
สำหรับผลการปฏิบัติการจากการประกาศเคอร์ฟิวประจำวันที่ 13 เมษายน 63 พบว่า มีประชาชนที่กระทำความผิดออกนอกเคหะสถาน 820 ราย ลดลง 108 ราย ชุมนุมมั่วสุม 135 ราย และการจัดสรรหน้ากากอนามัย จำนวนรับเข้า 16,036,500 ชิ้น อยู่ระหว่างการจัดส่ง 1,869,500 ชิ้น จัดส่งหน้ากากอนามัยไปแล้วกว่า 14,167,000 ชิ้น โดยจะมีการรายงานการกระจายหน้ากากอนามัยในส่วนที่ดำเนินการโดยกระทรวงในแต่ละวันด้วย

อย่างไรก็ดี ส่วนตัวเห็นว่า ไทยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดลดลง ในขณะที่เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ถือว่าคุมสถานการณ์ได้ ไม่มีอุบัติเหตุบาดเจ็บและเสียชีวิตมากเหมือนทุกปี

ดังนั้น ย่อมทำให้การพิจารณาผ่อนคลายมาตรการเคอร์ฟิว และปิดสถานที่และร้านค้าต่างๆ ถูกหยิบยกและถามถึงมากขึ้น ซึ่งถ้าคนไทยให้ความร่วมมือดีอย่างนี้แล้ว น่าจะช่วยให้คนได้ทำงานหรือทำมาหากินได้ง่ายขึ้นด้วย น่าจะช่วยลดปัญหาปากท้องและสังคมไปในคราวเดียวกัน!!

...

อ้างอิงข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/875705

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/875708

https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/28948

https://pr.moph.go.th/?url=pr/index/2/04