‘เจฟฟ์ เบซอส’ กับวิกฤติโควิด-19

‘เจฟฟ์ เบซอส’ กับวิกฤติโควิด-19

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังไวรัสโควิด-19 แพร่กระจายไปถึงสหรัฐ นอกจากมันจะทำให้ชาวอเมริกันเจ็บป่วยเป็นหลักแสนและเสียชีวิตเป็นหลักหมื่นแล้ว

มันยังทำให้คนตกงานไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนอีกด้วย เนื่องจากกิจการต่างๆ ถูกสั่งปิด หรือไม่ก็ต้องหยุดกิจการเมื่อขาดลูกค้า

ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจร้ายแรงอันเกิดจากเชื้อโรคร้ายนี้ บริษัทอะเมซอน กลับประกาศรับพนักงาน 1 แสนคน ทั้งนี้เพราะชาวอเมริกันต่างพากันซื้อหาสินค้า รวมทั้งอาหารผ่านกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-คอมเมิร์ซ แทนการออกไปซื้อจากร้านค้าโดยตรง ด้วยเหตุนี้ในขณะที่ชาวอเมริกันจำนวนมากต้องล้มตาย ล้มละลาย และอดอยาก มหาเศรษฐีหมายเลข 1 ของโลก “เจฟฟ์ เบซอส” ยิ่งร่ำรวยเพิ่มขึ้นทุกวัน เนื่องจากเขาเป็นผู้ก่อตั้งและถือหุ้นใหญ่ในบริษัทอะเมซอน

เจฟฟ์ เบซอส จะรวยเพิ่มขึ้นอีกเท่าไร ยากที่จะประเมินในขณะนี้ เมื่อปีที่แล้วอะเมซอนทำกำไรได้หลายพันล้านดอลลาร์ อาจคาดเดาได้ว่าปีนี้ ผลประกอบการจะดีกว่าเมื่อปีที่แล้ว นอกจากผลกำไรก้อนใหญ่จะทำให้เจฟฟ์ เบซอสร่ำรวยเพิ่มขึ้นแล้ว ราคาค่าหุ้นของอะเมซอนที่จะเพิ่มขึ้นต่อไปจะส่งผลให้ทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นอีกก้อนโตด้วย นั่นหมายความว่า ทรัพย์สินของเขาซึ่งขณะนี้มีรวมกันราว 1.2 แสนล้านดอลลาร์จะเพิ่มขึ้นไปอย่างมีนัยสำคัญ ฉะนั้น “บิล เกตส์” ซึ่งในปัจจุบันรั้งตำแหน่งหมายเลข 2 ของบรรดามหาเศรษฐีด้วยทรัพย์สินเกือบ 9 หมื่นล้านดอลลาร์ ไม่น่าจะแซงเจฟฟ์ เบซอสได้

นอกจากกิจการอี-คอมเมิร์ซแล้ว “เจฟฟ์ เบซอส” ยังเป็นเจ้าของกิจการด้านอื่นอีกด้วย เช่น กิจการจำหน่ายอาหารผ่านซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อ Whole Foods หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ และกิจการอวกาศชื่อ Blue Origin ในบรรดากิจการเหล่านี้ Whole Foods ทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยทำได้กว่า 500 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้วจากร้านที่มีอยู่ในอเมริกาเหนือกว่า 500 ร้านและในอังกฤษอีก 7 ร้าน

อาจคาดได้ว่ากิจการปีนี้จะดีกว่าเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน เพราะการกักตัวอยู่ในบ้านตามมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 กำลังทำให้ชาวชาวอเมริกันสั่งซื้ออาหารจากร้าน Whole Foods ผ่านการส่งอย่างรวดเร็วของอะเมซอน นั่นหมายความว่า เจฟฟ์ เบซอส จะร่ำรวยเพิ่มขึ้นอีก

จากทรัพย์กองมหาศาลนี้ “เจฟฟ์ เบซอสเพิ่งประกาศว่าจะบริจาคเงินจำนวน 100 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยชาวอเมริกัน โดยมอบให้องค์กรเอกชนชื่อ Feeding America องค์กรนี้มีเครือข่ายกระจัดกระจายอยู่ในอเมริกาซึ่งเรียกรวมๆ กันว่า “ธนาคารอาหาร” (food banks) จำนวนกว่า 200 แห่ง เงิน 100 ดอลลาร์จึงจะซื้ออาหารให้ชาวอเมริกันที่ตกงานในช่วงวิกฤติครั้งนี้และที่ยากจนอยู่ก่อนแล้ว

ก่อนการประกาศบริจาคเงินก้อนใหญ่ของเจฟฟ์ เบซอส มหาเศรษฐีบิล เกตส์ และมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ได้บริจาคจำนวน 100 ล้านดอลลาร์และ 25 ล้านดอลลาร์ตามลำดับเพื่อแก้วิกฤติ โดย 2 คนนี้ทุ่มเงินลงไปในด้านการเร่งรัดค้นหายาและวัคซีนสำหรับไวรัสโควิด-19 การบริจาคของบิล เกตส์และมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก มองได้ว่าอยู่ในกรอบของคำมั่นสัญญาจะบริจาคทรัพย์สินอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ซึ่งคอลัมน์นี้ได้กล่าวถึงหลายครั้ง

ณ วันนี้ ยังไม่มีข่าวว่าอดีตภรรยาของ เจฟฟ์ เบซอสจะเข้าร่วมบริจาคครั้งนี้ด้วยหรือไม่ เนื่องจากหลังรับส่วนแบ่งทรัพย์สินไปราว 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในตอนหย่ากัน เธอได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเข้าร่วมโครงการบริจาคทรัพย์สินอย่างต่ำครึ่งหนึ่งที่บิล เกตส์และวอร์เรน บัฟเฟตต์ตั้งขึ้น ข้อความในคำมั่นสัญญานั้นตีความหมายได้ว่าเธอจะบริจาคเกินกว่าครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินแน่นอน ในขณะที่เจฟฟ์ เบซอส ไม่มีท่าทีว่าจะเข้าร่วมด้วย จากรายงานของสื่อ อาจอนุมานได้ว่าเขาไม่น่าจะเข้าร่วมเนื่องจากเขาต้องการทุ่มเททรัพย์สินจำนวนมากเพื่อแข่งขันกับมหาเศรษฐีที่กำลังทำกิจการด้านสำรวจและท่องเที่ยวอวกาศ รวมทั้ง อีลอน มัสค์ และริชาร์ด แบรนสัน

นอกจากมหาเศรษฐี 3 คนดังกล่าว ยังไม่มีรายงานว่ามหาเศรษฐีอเมริกันโดยทั่วไปได้บริจาคเงินก้อนใหญ่เพื่อสู้วิกฤติเช่นกัน กระนั้นก็ตาม หากวิกฤติร้ายแรงยังยืดเยื้อต่อไป อาจคาดได้ว่าจะมีมหาเศรษฐีเข้าร่วมซื้ออาหารแจกจ่ายและ “เจฟฟ์ เบซอส” ก็จะบริจาคเพิ่มขึ้น