จากพรรคกล้า ถึงพรรคก้าวไกล

จากพรรคกล้า ถึงพรรคก้าวไกล

เรียบร้อยไปแล้ว พรรคการเมืองใหม่ที่ชื่อ กล้า ที่ประชุมเลือก กรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้า และ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เป็นเลขาธิการพรรค

ความสำคัญของพรรคกล้าที่ประกาศออกมาคืออุดมการณ์ทางการเมืองของพรรค ประกอบด้วย

1. ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เข้มแข็งมั่นคง ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2. ปฏิบัตินิยมคู่คุณธรรม นำไทยก้าวหน้า ทันสมัย พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนเปลงและวิกฤติการณ์ของโลก

3. ระบบเศรษฐกิจเสรีมีความรับผิดชอบต่อสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมการแข่งขัน ขจัดการผูกขาด และ 4. คนไทย ครอบครัวไทย ทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

นี่คือจุดยืนของพรรคการเมืองในระบอบประชิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ส่วนวันที่ 8 มีนาคม จะเปิดตัวพรรคใหม่อีกพรรคคือ พรรคก้าวไกล อันเป็นพรรคใหม่พรรคอะไหล่ของ อนาคตใหม่ที่ถูกยุบไป

แม้นว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะโพสต์สุดท้ายฝากไปถึงสส.ที่มั่นใจว่าประมาณ 55คน ที่จะย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ โดยที่ ธนาธร ไม่ได้ตามไปด้วยนั้น

แต่ธนาธร ให้ยึดมั่นคือไม่ทรยศประชาชน และสานต่อภารกิจให้สำเร็จ

คำว่าสานต่อภารกิจให้สำเร็จหมายความว่าอย่างไร พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ที่คาดหมายกันว่าจะเป็นคนนำพรรคก้าวไกล คนต่อไปนั้น ได้โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวว่า พรรคก้าวไกล จะสานต่อพรรคอนาคตใหม่

นั้นก็หมายความว่า อุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ 8-9 ข้อ พรรคก้าวไกลจะเดินตาม

จึงมีเรื่องน่าคิดว่า พรรคก้าวไกล จะมีอุดมการณ์ต่อจุดยืนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างไร จะเหมือนที่พรรคกล้า ของกรณ์ และอรรถวิชช์ ประกาศเอาไว้หรือไม่

โปรดอย่าลืมว่า ในการพิจารณาคดีอิลลูมินาติ นั้น แม้นศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยยกคำร้องก็ตาม แต่ในคำวินิจฉัยบอกว่าการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครอง ล้มล้างสถาบันนั้น ยังไม่ชัด

คำว่ายังไม่ชัดของศาลอาจเอาได้ว่ามีแนวคิดแต่ยังไม่มีการกระทำ แต่ศาลฯท่านได้สั่งให้พรรคอนาคตใหม่ กลับไปแก้ไขข้อบังคับพรรค ให้เขียนให้ชัดว่า ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

อย่างไรก็ตาม อนาคตใหม่ ยังไม่ได้เปลี่ยน แต่ได้ถูกศาลฯสั่งยุบไปแล้วและตัดสิทธิ์กรรมการบริหาร 10 ปี

เมื่ออนาคตใหม่ กลายร่างเป็น ก้าวไกล จึงมีคำถามว่า พรรคก้าวไกล จะเขียนข้อบังคับพรรคว่า จะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่

หากไม่เขียนหรือมีข้อความที่คลุมเครือไม่ชัดเจน เช่นนี้ กกต. ต้องตรวจสอบให้ละเอียดก่อนจะให้จดแจ้งหรือเปลี่ยนชื่อจากพรรคเดิมมาเป็นชื่อ ก้าวไกล

เนื่องจากเจตนารมณ์ของ พิธา และธนาธร นั้นไม่ได้แตกต่างกัน ดังนั้น พรรคก้าวไกล อันเป็นพรรคใหม่ของอนาคตใหม่ จึงไม่ได้แตกต่างกัน

ครั้งที่แล้วกกต.พลาด แต่ครั้งนี้หวังว่าคงไม่พลาดอีก

ส่วนประเด็นต่อมาคือ ธนาธร ปิยบุตร และพรรณิการ์ จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แทรกแซง และครอบงำได้เหมือนที่ประกาศไว้จริงหรือ

เพราะดูๆ แล้ว พิธา ยังละอ่อนต่อโลกและการเมืองมาก จึงไม่มีใครเชื่อว่า พิธา จะเป็นผู้นำพรรคก้าวไกลตัวจริง พิธา อาจจะเป็น ”นอมินี” เหมือนที่ ทักษิณ เคยใช้ สมัคร สุนทรเวช สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาแล้ว

หากถูกจับได้ว่า ธนาธร ยังเข้าไปครอบงำพรรค จะถูกยุบอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน

แล้วอย่ามาโวยวายว่าประเทศไทยไม่มีความยุติธรรมล่ะ