“เพศสภาพ"ยุคใหม่ การเผยตัวที่เกินงาม

“เพศสภาพ"ยุคใหม่ การเผยตัวที่เกินงาม

ปัญหาพฤติกรรมทางเพศของกลุ่มวัยรุ่นส่วนหนึ่งของเราที่ยังแก้ไม่ตก แม้จะพูดกันมานาน หลายยุคหลายสมัย หลายข้อสรุป แต่ก็แก้ไขป้องกันอะไรไม่ได้เลย

เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาทางสังคมที่มีหลายบริบท หลายมิติ และรัฐเองก็มีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่า กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทรวมถึงกระทรวงมหาดไทยที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน

คุณหมอแพทย์หญิงพูลทรัพย์ (ขออภัยที่เอ่ยนาม) จาก โรงพยาบาลนางรอง บุรีรัมย์ เล่าให้ฟังถึงพฤติกรรมวัยรุ่นที่นับวันจะเปิดเผยพฤติกรรมทางเพศโดยไม่แคร์สายตาคนที่พบเห็นมากขึ้น คุณหมอนายแพทย์โอฬาริก (ขออภัยที่เอ่ยนาม) จาก โรงพยาบาลอภัยภูเบศร์ รณรงค์ถี่ยิบ เรื่องท้องไม่พร้อมให้กับวัยรุ่น เข้าถึงที่มาของปัญหาของเด็กและเยาวชน และคุณหมอนายแพทย์อมร (ขออภัยที่เอ่ยนามอีกเช่นกัน) อดีตสูตินารีแพทย์ พูดหลายครั้งเรื่องการทำแท้งอย่างถูกกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาสังคมแพทย์ทั้ง 3 ท่านนี้ ไม่เคยรู้จักเป็นส่วนตัว ไม่เคยเจอกันตัวเป็นๆ คุยกันในกลุ่มเพื่อนเฟสอย่างเดียว แต่ทุกคนมีความเป็นห่วงในพฤติกรรมทางเพศของเด็กและเยาวชนไทย

ในทางการแพทย์ ผมไม่มีความรู้อะไร แต่มองในแง่สังคมบ้านเราก็พบว่า มันน่าจะมีความสัมพันธ์กันเพราะแสดงว่าวัยรุ่นไทยกล้าแสดงออกทางเพศมากขึ้น แม้ว่าจะรับรู้ปัญหาทางเพศมากขึ้น และแก้ปัญหาด้วยตัวเองมากขึ้นความต้องการทางเพศนั้นเป็นปกติธรรมชาติ ไม่มีอะไรผิด เพราะไม่อย่างนั้นจำนวนพลเมืองโลกคงไม่เพิ่มขึ้นขนาดนี้ แต่พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นเรื่องที่ปทัสถานทางสังคมไม่ยอมรับแล้วจุดลงตัวควรจะอยู่ที่ไหน

บ้านเรายังมีอีก 2 ปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกัน นั่นคือเรื่องอัตราการเกิดที่ลดลงต่อเนื่องจนต่ำเกือบที่สุดของโลก ในขณะที่สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เวลาที่รัฐบาลพูดถึงเรื่องเหล่านี้มักแยกเป็นแต่ละเรื่องแต่ละมิติ อัตราการเกิดก็เรื่องคนเกิด อัตราการแก่ก็เรื่องคนแก่ ปัญหาวัยรุ่นก็เรื่องวัยรุ่น ปัญหาทำแท้งก็เรื่องแท้ง เรื่องเพศศึกษาก็เรื่องการศึกษา ขนาดคณะกรรมาธิการแต่ละคณะที่พิจารณาออกกฎหมาย ก็แยกกันพิจารณา เรื่องนี้เข้า กมธ.สาธารณสุข เรื่องนั้นเข้า กมธ.พัฒนาสังคม เรื่องโน้นเข้า กมธ.เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ เรื่องนู้นเข้า กมธ.การศึกษาแล้วก็แยกกันพิจารณาแบ่งงานกันทำทั้งๆ ที่มันเกี่ยวข้องกัน มันต่อเนื่องกัน และเป็นเหตุเป็นผลกันผูกกันมาตั้งแต่ต้น เป็นขั้นเป็นตอน

รัฐบาลคงต้องหาทางบูรณาการ ทั้งเชิงความคิดและทางปฏิบัติว่าจะทำอย่างไร ไม่ใช่ปล่อยให้เป็น broken line จากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกปลายด้านหนึ่ง แบบนี้ถ้าเราเริ่มตัดไฟแต่ต้นลม ก็คงจะต้องรณรงค์เรื่องพฤติกรรมการแสดงออกทางเพศของเด็กวัยรุ่นเป็นเรื่องใหญ่ อย่างที่แพทย์หญิงพูลทรัพย์บอกว่า มันชัดแจ้งเปิดเผยไม่แคร์สายตาสาธารณะชนมากเกินไปสิ่งที่เห็นเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเพราะสิ่งที่เกิดในที่ลับนั้นมันยิ่งมากมายกว่าหลายเท่าการรณรงค์ในขั้นเริ่มต้นนี้คงต้องเข้มข้นมากกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยว่าเป็นเรื่องของเด็ก เดี๋ยวโตขึ้นมีวุฒิภาวะก็เปลี่ยนไปแต่ปัญหามันเกิดแล้ว และตามไปด้วยการตั้งครรภภ์ท้องไม่พร้อม และจบลงที่แก้ไขปัญหาให้ตัวเองและครอบครัวโดยการทำแท้ง

ในอีกด้านหนึ่งของปัญหาบ้านเราคือ จำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลงมหาศาล จากที่เคยสูงสุดในปี 2512 จำนวน 1.2 ล้านคนต่อปี เหลือแค่ 6 แสนคนในปัจจุบัน ทั้งๆ ที่จำนวนประชากรในปี 2512 นั้นน้อยกว่าปัจจุบันมาก รัฐบาลน่าจะคิดใหม่เรื่องปัญหาประชากร ไม่ได้สนับสนุนให้เสรีในทางเพศสัมพันธ์เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรอย่างไม่มีการป้องกันความไม่พร้อม แต่เอาสิ่งที่เป็นปัญหามาเป็นประโยชน์อย่างที่พูดกันว่า พลิกวิกฤติ เป็นโอกาส