นักสืบไซเบอร์ “ผอ. 3ศพ"

นักสืบไซเบอร์ “ผอ. 3ศพ"

ผู้เขียนรู้สึกคันมือขอร่วมเป็น “นักสืบไซเบอร์” สักวันในคดีปล้นทองที่ลพบุรี และ “ครูกอล์ฟ” ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นจำเลย

โดยขอเสนอบางมุมคิดที่อาจยังไม่มีคนพูดถึงกันนัก เพื่อนำไปสู่ประเด็นที่สังคมควรใคร่ครวญต่อไป

คดีนี้ร้ายแรงมากเพราะปล้นร้านทองโดยยิงใส่ก่อนไม่ทันพูดจาสักคำจนมีผู้เสียชีวิต 3 คน( 1 คนเป็นเด็กอายุ 2 ขวบ) บาดเจ็บ 4 คนคำถามที่เกิดขึ้นในใจคือ(1)ทำไมต้องปล้นทอง (2)ทำไมต้องยิงคนแบบนี้ (3) เหตุใดจึงมีพฤติกรรมไม่สะทกสะท้านหลังจากยิงแล้ว

ผู้อ่านบางท่านอาจหัวเราะว่าไม่เห็นหลักฐานอะไรด้วยตนเองเลยไม่ได้พูดจากับจำเลยกับตำรวจฯ แต่คาดเดากันเป็นวรรคเป็นเวรแล้วจะถูกได้อย่างไร อย่าลืมว่าหากเราเขย่ากล่องที่ใส่ลูกแก้วกลมๆ ไว้ 2 ลูก ถึงแม้จะไม่เห็นแต่ก็เดาได้ถูก ฉันใดก็ฉันนั้น การใช้เหตุใช้ผลประกอบกับความรู้และประสบการณ์เดิมที่มีมาเช่นลูกแก้วมันกลม วิ่งไปมาได้ มีน้ำหนักประมาณใด ก็สามารถช่วยให้คาดเดาได้ถูก

ทำไมต้องปล้นร้านทอง ร้านทองให้ผลประโยชน์ตอบแทนทันที ปล้นมาก็ขายได้ง่าย ครั้นจะโกงเงินอย่างอื่นก้อนใหญ่อย่างรวดเร็วก็ไม่มีหนทาง “ครูกอล์ฟ” ได้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน(ดั้งเดิมก็คือ“ครูใหญ่”)ขนาดเล็กมากมีนักเรียนชั้นประถมเพียง 45 คน มีครู 2 คนและยังอยู่ในขั้นทดลองงาน ทำงานมาเพียง 1 ปี เงินบริจาคเข้าโรงเรียน ผลประโยชน์จากการฝากเด็กเข้าโรงเรียนและอื่นๆ ที่พอจะเบียดบังได้ก็ไม่มี ดังนั้นร้านทองจึงเป็นคำตอบที่ง่าย

ทำไมต้องทำสิ่งชั่วช้า ผู้เขียนเดาว่าเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันสูงมากเรื่องความต้องการเงิน จนกล้ากระทำสิ่งที่ผิดปกติมากสำหรับคนที่มีฐานะในสังคมเช่นเขา คำอธิบายคือถูกทวงเงินนอกระบบถ้าไม่มีเงินก็ต้องตาย ดังที่เราทราบกันดี

ทำไมจึงเป็นหนี้นอกระบบ? เพราะเขากู้ในระบบจนสุดทางแล้วเขาเป็นคนใช้จ่ายซื้อของหรูหราฟุ่มเฟือยเป็นคนหน้าตาดี แต่งตัวดี(โชว์ภาพซื้อนาฬิกาและของแพงๆ บน เฟชบุ๊ค) มีสาวหลายคน มีลูกจากเมียเก่า มีการแต่งงานที่หรูหรา ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งราคาแพง ภรรยาก็มีสไตล์การดำเนินชีวิตคล้ายกันเพิ่งใช้จ่ายเงินจำนวนมากในการแต่งงานแฟนขับรถบีเอ็มดับบลิวซีรี่ 5 ไปทำงาน ขับมอเตอร์ไซต์ยี่ห้อเดียวกันเพิ่งซื้อรถบีเอ็มดับบลิวเอฟ 4 ทะเบียนปลอมจนเพิ่งถูกปรับไป 6 แสนบาท

มีหนี้หลายล้านบาทในระบบ เงินเดือน 28,430 บาทบวกเงินวิทยฐานะสำหรับตำแหน่งผู้บริหาร 3,500 บาทรวมได้รับ 31,930 บาท ถูกหักเงินกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ เดือoละ 13,500 บาท เหลือ 16,684 บาทที่จะใช้จ่ายสำหรับชีวิตที่หรูหรา ดังนั้นจึงคาดเดาได้ว่าต้องหาเงินที่เหลือจากนอกระบบเพื่อรักษาหน้าผู้อำนวยการวัย 38 ปี(กฎกติกาของสพฐ.ที่ออกมาไม่กี่ปีก็คือ ถ้าเป็นครูระดับชำนาญการ ก็สามารถสอบข้ามมาเป็นผอ.ได้เลยจึงทำให้มีผอ.อายุและประสบการณ์น้อยจำนวนไม่น้อยในจำนวนครูไม่ต่ำกว่า 350,000 คน)

ถ้าหากต้องตายแน่หากไม่จ่ายเงิน แถมแฟนถูกฆ่าหรือถูกทำร้ายให้เสียโฉม มีโอกาสสูงที่คนเล่นปืนจริยธรรมไม่สูง มีหน้าตาต้องรักษาจะทำอะไรที่เลวร้ายได้และมีความเป็นไปได้อีกว่าหนี้ก้อนใหญ่อาจมาจากการเล่นพนันฟุตบอลหรือกาสิโนออนไลน์ เพราะคนที่มีปัญหาเดือดร้อนมักใช้เป็นเครื่องมือ “รวยเร็ว” จนกลายเป็นลิงแก้แห ประเด็นเรื่องความเดือดร้อนเรื่องเงินนั้นเขาพูดถึงแต่ไม่กล้ากล่าวถึงหนี้นอกระบบเพราะความกลัว ทั้งนี้โดยแท้จริงแล้วแรงจูงใจในการปล้นที่สำคัญคือเรื่องหนี้

ครูในสังคมไทยจำนวนมากมีหนี้สินมากมายเพราะสวัสดิการของครูในเรื่องการกู้ยืมเงินมีมาก ขนาดกู้หนี้ได้โดยใช้เพียงวิญญาณค้ำประกัน(ใช้เงินสินไหมจากประกันชีวิตเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน) ประชุมครูในต่างจังหวัดมักเห็นรถปิคอัพใหม่จอดกันเต็มลาน ครูมี หน้าที่ต้องรักษาในสังคม การกู้เงินมาสร้าง“หน้า”เป็นวาทกรรมสำคัญยิ่งของสังคมไทย ครูคนไหนที่มีบุคคลิกและจริยธรรมไม่เข้มแข็งจึงมักเดินเข้าสู่ปัญหาการเงินจนไม่มีจิตใจสอนหนังสือ

เรื่อง“ผอ. 3ศพ” ทำให้ครูทั่วไปอับอาย วงการศึกษาเราได้คนอย่างนี้มาเป็นครูและเป็นผู้บริหารได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้ขบคิดเรื่องการคัดเลือกคนมาเป็นครูและเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนว่ามีจุดบกพร่องอย่างไร บางคนอาจบอกว่าคนจำนวนมากเป็นแสนก็ต้องมีคนเลวอยู่บ้าง สำหรับการศึกษาของเยาวชนนั้นคนลักษณะอย่างนี้ต้องไม่มีเลย เช่นเดียวกับการต้องมีหมอที่มีคุณภาพทุกคนจะมีผิดปกติสักคนนั้นไม่ได้

ทำไมต้องยิงคนแบบนี้  ผู้เขียนเดาว่าอาจมีการอัพยาเพื่อให้มีจิตใจคึกคักกล้าบ้าบิ่น ยาที่เลวร้ายมากที่ทำให้เกิดความรู้สึกลักษณะนี้คือ“อี-ไอซ์-ไฟว์-เค-โค้ก” ยาอีหรือEcstasy (MDMA) ยาไอซ์เป็นพวก methamphetamine ที่ทำให้รู้สึกเคลิ้ม สนุกสนาน ไฟว์ คือ “happy-5”หรือ Nimetazepamซึ่งเป็นยาฮิตของวัยรุ่นที่ให้อาการคล้ายกัน ยาเคหรือ Ketamine มีผลทำให้เหมือนถูกสะกดจิต ลดการเจ็บปวดทำให้จิตคึกคักกล้าบ้าบิ่น ส่วนโค้กคือโคเคน ยากลุ่มนี้ทำให้เสมือนไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไม่เกิดขึ้น

กรณีโศกนาฏกรรมที่เนปาล ปี 2544 ที่มกุฎราชกุมารฆ่ากษัตริย์พิเรนทรา ผู้พ่อ ฆ่าแม่ น้องชายและน้องสาว ป้า รวมแล้ว 9 คนหลังจากเสพยาประเภทนี้พร้อมกับเหล้าเข้าไปเต็มที่ เมื่อยาหมดฤทธิ์และความรู้สึกผิดชอบกลับคืนมาก็ฆ่าตัวตาย มกุฎราชกุมารขัดแย้งกับพ่อแม่เรื่องการแต่งงาน ชอบเล่นปืน เมื่อทะเลาะกันก็กลับไปที่ห้องไปเสพยาและออกมาก็ยิงไม่เลือกหน้า(พวกที่ชอบทฤษฎีลึกลับอาจบอกว่าไม่จริง อาที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ลูกและภรรยาถูกยิงบาดเจ็บสั่งให้ฆ่าอาจโต้แย้งเรื่องนี้)

เมื่อ“ผอ.3 ศพ” จะลงมือเพราะ“ไม่มีทางเลือก”จึงอัพยาเพื่อให้เกิดความกล้าและเริ่มยิงก่อนทันทีเด็กที่เสียชีวิตเพราะลูกกระสุนสะท้อนพื้นไปถูก ส่วนคนอื่นนั้นจงใจยิงอันเป็นผลจากยาที่เสพเข้าไป

เรื่องถูกบีบจากการกู้เงินนอกระบบและการเสพยาอาจเป็นคำอธิบายที่ถูกต้องของเหตุการณ์นี้ก็เป็นได้

เหตุใดจึงมีพฤติกรรมไม่สะทกสะท้านหลังการยิงแล้ว ? ประเด็นนี้ผู้เขียนไม่อยากเดาเพราะไม่รู้ข้อมูลเพียงพอเรื่องชีวิตส่วนตัว การเติบโตเลี้ยงดู ความประพฤติ คุณธรรมที่มี ผู้เขียนคิดว่า“คำสารภาพ”ที่ปรากฏต่อสาธารณชนนั้นจริงเพียงบางส่วนยังมีอีกที่ไม่เผยออกมาหรือตำรวจไม่ต้องการปล่อยออกมาให้เสียรูปคดี

ระบบราชการได้คนเช่นนี้มาเป็นผู้อบรมสั่งสอนลูกเราจนก่อเหตุการณ์ได้อย่างไรเป็นเรื่องน่าคิดอย่างยิ่ง ระบบการคัดสรรครูมีปัญหา? ครูมักใช้เงินแบบเกินตัว ? เป็น ผอ.ใหม่ของโรงเรียนขนาดเล็กมากที่กำลังจะถูกควบรวมได้อย่างไร?