คณิตศาสตร์เปลี่ยน การเมืองเปลี่ยน!

คณิตศาสตร์เปลี่ยน การเมืองเปลี่ยน!

การเปลี่ยนคณิตศาสตร์การเมือง หลังเลือกตั้ง 24 มี.ค. หรือ 9 เดือนที่ผ่านมา จะทำให้รัฐบาล253 เสียง พ้นจากภาวะเสียงปริ่มน้ำ มีเสถียรภาพมากขึ้น

รัฐบาลผสม 19 พรรค ของพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ที่ต้องลุ้นตลอดเวลา ทั้งเรื่ององค์ประชุมในสภา และการโหวตตั้งคณะกรรมาธิการต่างๆ รวมทั้งกฎหมายก็จะหายใจโล่งขึ้น เพราะนอกจาก 4 ส.ส.ที่ถูกขับจากพรรคอนาคตใหม่ จะย้ายข้างมาอยู่ในซีกรัฐบาล ยังมี 4 ส.ส.จากพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่สนับสนุนรัฐบาลมาตลอด แถมได้เสียงเพิ่มจากการเลือกตั้งซ่อมที่ขอนแก่น ทำให้รัฐบาลจะมี 263 เสียง 

ขณะที่ฝ่ายค้านจะลดลงเหลือ 236 เสียง มีความห่างเพิ่มขึ้นระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาลถึง 27 เสียง รัฐบาลยังลุ้นว่าจะได้มาอีก 1 เสียง กลับคืนมาจากใบเหลืองของ นที สุทินเผือก หรือ กรุงศรีวิไล จากสมุทรปราการ 

และอาจจะมีการแตกฮือ ของ ส.ส.อนาคตใหม่ หากมีคำวินิฉัยยุบพรรค ที่มีการประเมินว่า ตัวเลขเสียงรัฐบาล อาจจะเพิ่มเป็น 275-280 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านจะลดลงเหลือ 220-225 เสียง เสถียรภาพเรื่องเสียงจะมีมากขึ้น

แต่รัฐบาลจะเผชิญปัญหาการจัด ครม.ใหม่ ตามสัดส่วน ส.ส.ใหม่ ขึ้นอยู่กับว่าพรรคไหนสามารถกวาดต้อน ส.ส.เข้ามาอยู่ในสังกัด ก็จะเกิด “แรงกระเพื่อม ใหม่ขึ้นมา อยู่ที่ พลเอกประยุทธ์ จะบริหารจัดการคณิตศาสตร์ทางการเมืองใหม่นี้อย่างไร 

เพราะเดิมรัฐบาล 253เสียง จะใช้สัดส่วน ส.ส. “7.2 คน” ต่อโควตารัฐมนตรี หากเสียงรัฐบาลเปลี่ยนไปถึง 275-280 ตามการคาดการณ์ สัดส่วน ส.ส.ต่อรัฐมนตรีจะเปลี่ยนไปเป็น ส.ส. “7.8-8 คนต่อรัฐมนตรี 1 คน 

ดังนั้นเราจะเห็นภาพ พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลพยายามให้ได้ ส.ส.จากขั้วฝ่ายค้านมาสังกัด เพื่อเหตุผลการคำนวน ส.ส.ใหม่ อันจะเป็นดาบปกป้องเก้าอี้รัฐมนตรีของแต่ละพรรค และบางพรรคอาจจะเกิดความโลภ อยากได้เก้าอี้เพิ่ม 

แต่ต้องระวังอย่าให้เกิดปรากฏการณ์ วงจรอุบาทว์ย้ายพรรคเพราะเงิน หาใช่เพราะอุดมการณ์ และหวังได้อำนาจไปถอนทุน!.