อย่าทำร้ายประเทศ !

อย่าทำร้ายประเทศ !

การเมืองขัดแย้งกัน ไม่ลงรอยกัน ด้วยเหตุผลอย่างไรก็แล้วแต่ ก็ควรสู้กันในเกม ในกติกา

 ไม่ควรชักชวนประชาชนคนไทยลงท้องถนน ไปสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นกับชาติบ้านเมือง 

เพราะทุกครั้งที่มีการนำประชาชนลงสู่ท้องถนน เพื่อเป็น “บันไดอำนาจ”ของตน ผู้สูญเสียกลายเป็นประชาชน ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งผู้ได้ประโยชน์ และอำนาจสุดท้ายก็คือ นักการเมืองผู้กำชับ ส่วนฝ่ายที่ปราชัย ก็จะหลบลี้หนีไปในต่างแดน ทิ้งความบอบช้ำให้กับประเทศ

การที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ ประกาศตั้งแต่เสาร์ที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา จะนำแฟนคลับอนาคตใหม่ลงถนนชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ที่มาจากชนวนการถูกเพิกถอนสิทธิการเป็น ส.ส.ของธนาธร และการถูกดำเนินคดียุบพรรค จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และเป็นอันตรายต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง 

 ที่ว่าไม่เหมาะสม เพราะเป็นการเอาผลประโยชน์ส่วนตน คือการถูกเพิกถอนสิทธิการสมัครเลือกตั้งเพราะการกระทำผิดแห่งตน ในการถือครองหุ้น หรือเป็นเจ้าของบริษัทสื่อ (วีลักษณ์ มีเดีย) และการถูกดำเนินคดียุบพรรค เพราะกระทำการปล่อยกู้ให้พรรคตัวเอง(อนาคตใหม่) ซึ่งขัดกับกฎหมายมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งทั้งสองเรื่อง ล้วนแล้วเป็นผลประโยชน์ส่วนตน หาใช่ผลประโยชน์ส่วนรวมไม่ แต่กลับจะชักชวนประชาชนลงถนนเพื่อต่อสู้ร่วมกับตัวนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่! 

 หากย้อนดูประวัติศาสตร์การเมือง ตั้งแต่ปี 2500 ถึงปัจจุบัน รวม 62 ปี การชวนคนลงถนน ที่เรียกว่า “ก่อม็อบ” เอาเฉพาะที่จุดติด สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือการเปลี่ยนแปลงเชิงอำนาจได้มีด้วยกัน 5 ครั้ง 

 ครั้งแรกปี 2500 การชุมนุมต่อต้านการเลือกตั้งสกปรก สมัยรัฐบาล จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม การชุมนุมปี 2516 หรือ 14 ตุลา 2516 เป็นการชุมนุมจากการจับกุม 13 นักศึกษาที่ต่อต้านรัฐบาล นำไปสู่ชนวน

การเรียกร้องแก้รัฐธรรมนูญ และขับไล่รัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ในที่สุด

ปี 2535 ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เป็นการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่ตระบัดสัตย์ ก้าวขึ้นสู่อำนาจและปราบปรามประชาชนที่ชุมนุมต่อต้าน 

ปี 2549 ชนวนชุมนุมใหญ่ไล่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร มาจากการทุจริตจำนวนมาก และฟางเส้นสุดท้ายคือการขายหุ้นชินคอร์ปแบบเลี่ยงภาษี และการชุมนุมอีกครั้ง เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556 ต่อเนื่องปี 2557 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ช่วยเหลือพรรคพวกตนเอง 

ทั้งหมดล้วนมาจากประเด็นที่รัฐบาลในแต่ละช่วงยุค ใช้อำนาจโดยมิชอบ หาประโยชน์ใส่ตน 

แต่การจุดไฟความขัดแย้งใหม่ โดยธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และอนาคตใหม่ ที่กำลังเดินสายปลุกระดมคนเพื่อเริ่มต้นขบวน “ไล่ลุง” ในวันที่ 12 มกราคม 2563 ต้องบอกว่า เป็นเหตุผลส่วนตน ยังหาใช่ประเด็นผลประโยชน์ร่วมของสังคมไม่ จึงยากที่จะทำม็อบแบบ “จุดติด” นำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลได้ไม่

 แต่การจุดติดของม็อบ อาจจะเกิดขึ้นได้ หากรัฐบาลประยุทธ์ก้าวพลาด ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตในรัฐบาล การปิดกั้นหรือรังแกประชาชนในการแสดงความคิดเห็น การใช้อำนาจโดยมิชอบ จะกลายเป็น “เชื้อเพลิง" ที่ช่วยสุมไฟ ที่ธนาธรและอนาคตใหม่ก่อไว้ 

ดังนั้นรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี พึงระวัง อย่าให้เงื่อนไขอย่างนี้เกิดขึ้น โดยเฉพาะต้องสอดส่องพฤติกรรมของรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลที่ “แอบหากิน” ทุจริต เพราะจะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของรัฐบาล แต่ถึงแม้สถานการณ์ชุมนุมที่กำลังจะเริ่มต้น และประเมินว่า “ยังจุดไม่ติด” แต่ก็ยังเป็นอุปสรรคในการฟื้นความเชื่อมั่นประเทศ ที่ทรุดตามภาวะเศรษฐกิจโลกอยู่ เพราะนักลงทุนเริ่มกังวลว่า ไทยซึ่งเป็น “แดนสวรรค์" จะมีสภาพการณ์เช่นเดียวกับฮ่องกงหรือไม่ 

คนที่จะช่วยไม่ให้เกิดขึ้นได้ คือคนไทยทั้งแผ่นดินที่ต้องส่งเสียงปฏิเสธการชุมนุมบนท้องถนนที่ไม่ชอบธรรมนี้ด้วย!