“ปิดประตู”แก้รธน.!

แม้จะมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฝั่งส.ส.ที่ฟาดกัน เรื่อง “ชิงเก้าอี้ประธาน”คณะกรรมาธิการวิสามัญ... เพื่อศึกษาพิจารณาการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ รวมถึงฝั่ง ส.ว.ที่ยังแทงกั๊ก ตั้งเงื่อนไขหลายประเด็น

ปรากฏการณ์“เบื้องหน้า”ดูเหมือนการแก้รัฐธรรมนูญจะฉลุย เพราะนายกฯ ลุงตู่ ไม่มีข้อขัดข้อง หากทุกฝ่ายเอาด้วย แต่“เบื้องหลัง”ดูเหมือนจะไม่ได้ไปต่อ ถึงแม้ประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ จะถูกมัดให้เป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล 

แค่เริ่มต้น การหาตัวประธานคณะกรรมาธิการ ก็แทบจะเปิดศึกระหว่างขั้วรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ไม่มีใครยอมใคร ฝ่ายรัฐบาล พลังประชารัฐก็ประกาศล็อกเก้าอี้ไว้ให้ “สุชาติ ตันเจริญ” ประชาธิปัตย์ก็ดัน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” สุดตัว และถึงแม้จะมีข้อเสนอให้ดึงคนนอกเข้ามา “หย่าศึก” ก็ไม่เป็นผล

ล่าสุด บรรดารายชื่อคนนอก ที่ถูกฝั่งรัฐบาลทาบทามและเสนอ เข้ามาเป็น “คนกลาง” ตั้งแต่หัวหน้าทีมแก้ และคณะทำงาน ล่าสุดทยอยบอกปัด ล่าถอยกันอย่างพร้อมเพรียง

ขณะที่ ส.ว.ที่เป็นกลไกสำคัญ ในกระบวนการแก้ ก็ส่งตัวแทน ออกโรงมาตั้งเงื่อนไข เพราะแน่ใจว่า ส.ส.จะแก้ เรื่องอำนาจและหน้าที่ ส.ว.เพื่อให้พ้นทางการเมืองอย่างแน่นอน

ทีมสนับสนุน คสช.มีอีกหลายก๊อก ที่จะยับยั้งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเอาไว้ก่อน ไม่ปล่อยให้เป็นประเด็นร้อน ย้อนมาเล่นงานนายกฯ ลุงตู่ ได้ในห้วงนี้

ถึงแม้ขณะนี้ญัตติเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ยังส่อจะเลื่อนไปเรื่อยๆ แต่ล่าสุดมีการเตรียมประเด็น เสนอให้ทำ“ประชามติ” จากมวลมหาประชาชนเสียก่อน ว่าต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญฉบับ 60 นี้ทันทีหรือไม่

รวมถึงให้ฝ่ายที่อยากแก้ แจกแจงถึงความจำเป็นเร่งด่วน ประเด็นที่ต้องการแก้ ข้อดีข้อเสียในรัฐธรรมนูญฉบับที่เพิ่งใช้ จะแก้บางมาตราหรือรื้อทั้งฉบับ กระบวนการแก้จำเป็นต้องตั้งสภาร่างหรือ ส.ส.ร.หรือไม่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเงื่อนปม ที่จะชะลอ หรือยับยั้ง ปฏิบัติการแก้รัฐธรรมนูญได้ทั้งสิ้น

แน่นอนว่า หากการแก้รัฐธรรมนูญถูกสกัดเอาไว้ ย่อมจะเป็นเงื่อนไขให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลกันเอง ฝ่ายค้าน ปลุกกระแส ถล่มพรรคแกนนำ และนายกฯลุงตู่ ได้อย่างชอบธรรม แต่งานนี้ ทีมยุทธศาสตร์ คสช.ประเมินสถานการณ์ว่า ยังไม่ควรปล่อยให้นักการเมือง โดยเฉพาะขั้วอำนาจเก่าและแนวร่วม กลับเข้ามายึดอำนาจ เพื่อสร้างความขัดแย้งต่อ

ฉะนั้นประตูในการแก้รัฐธรรมนูญในสถานการณ์นี้จึงถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา