ช่อจ๋า อย่า”ดำน้ำ”!

หรือสู้ศึกศัตรูที่กำลังทำร้ายเราได้ แค่ทั้งกลศึกและสุภาษิตโบราณสองอย่างนี้ ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องที่ ช่อ พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่จะเอามาใช้เพื่อให้เรื่องที่ถูกตรวจสอบ การบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาทให้กับพรรคอนาคตใหม่

ช่อ พรรณิการ์ วานิช ในฐานะบุคคลสาธารณะ ที่อาสามาลงเล่นการเมือง จำเป็นที่จะต้องชี้แจงข้อสงสัยทั้งปวง ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในฐานะ “บุคคลทางการเมือง” อย่าเอาแต่ “ดำน้ำ” เพื่อหวังเพียงว่า “เรื่องมันจะเงียบไปเอง” เพราะช่ออาจจะมีประสบการณ์ด้านสื่อว่า ข่าวมันจะหายไปเองเมื่อมี “ข่าวใหญ่มา” และข่าวเก่าเกี่ยวกับตัวเธอจะไม่อยู่นาน

ต่างกันที่เรื่องของ ช่อ พรรณิการ์ วานิช ได้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบโดยที่ ศรีสุวรรณ จรรยา ได้ร้องให้ กกต.สืบสวนการบริจาคเงิน และให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงินจำนวนดังกล่าว และข้อสงสัยของสังคม ต่อการบริจาคเงินให้พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้รับการอธิบายหรือชี้แจงใดๆ จาก ช่อ พรรณิการ์ วานิช นอกจากคำตอบเดียว “ตามเอกสาร”

ปัญหาที่สังคมสงสัย เพราะตามรายงานของ กกต.พบว่า ช่อ พรรณิการ์ วานิช แจ้งบริจาคพรรคอนาคตใหม่ 1 ล้านบาท เมื่อ 13 พ.ย.2561

แต่จากการตรวจสอบของ “สำนักข่าวอิศรา" ต่อแบบยื่นภาษีเงินได้ปี 2561 ทั้งปี ช่อ พรรณิการ์ วานิช แจ้งว่ามีรายได้เพียงแค่ 843,000 บาท หักค่าใช้จ่ายและเงินลดหย่อน เหลือคำนวณภาษี 517,500 บาท แถมยังขอเงินคืนจากกรมสรรพากร 6,752 บาท 

และพบว่ามีการแจ้งบริจาคเงินให้พรรคอนาคตใหม่เพียง 500 บาท เท่านั้น แล้วเหตุไฉน จึงรายงานต่อ กกต.ว่าในปี 2561 ถึง 1 ล้านบาท 

คำถามที่ ศรีสุวรรณ จรรยา ตั้งข้อสงสัยคือเป็นเงินของ ช่อ พรรณิการ์ วานิช จริงหรือ หรือนี่เป็นเงินของใคร? เป็นเรื่องที่ทุกคนอยากได้คำตอบจาก ช่อ พรรณิการ์

ขณะที่สังคมชี้ประเด็นดังกล่าวให้ชัดแจ้ง องค์กรซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยเฉพาะ กกต.ต้องไขลานตัวเอง สอบเรื่องนี้ อย่า “เชื่องช้า” และรีบส่งเรื่องให้ ปปง.ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน เพื่อคลายข้อสงสัย หากไม่พบว่า ช่อ พรรณิการ์ ผิด ทุกอย่างก็จบ เขาจะได้ทำงานการเมืองต่ออย่างสง่างาม

แต่ถ้าผิด ก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม

เรื่องทุกอย่าง จะได้ไม่อึมครึม “คุณช่อจะได้เลิกดำน้ำเสียที”