ตรรกะช่อ-ตรรกอัปยศ!
“ถ้าเราชนะถล่มทลายได้ 5หมื่น 7หมื่นคะแนน ถามว่าหน้าไหน กล้ายุบพรรคอนาคตใหม่ ใครจะกล้าเอาธนาธรเข้าคุก ใครจะกล้าเตะธนาธรออกนอกสภา”
นี่คือคำประกาศของ ช่อ พรรณิการ์ วานิช ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส.เขต5 จังหวัดนครปฐม ที่ไปพูดกับผู้สนับสนุนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม.
เป็นคำประกาศที่ท้าทาย ท้าทายกระบวนการยุติธรรมที่กำลังจะวินิจฉัยความชอบด้วยกฏหมายต่อคุณสมบัติการเข้ามาเป็นนักการเมืองของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และการกระทำของพรรคอนาคตใหม่ที่กำลังสุ่มเสี่ยงต่อการถูกยุบพรรคในหลายกรณี และเป็นคำประกาศที่ท้าทายต่อจริยธรรม ส.ส. ที่สภาผู้แทนราษฏร สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบ ด้วยเหตุการณ์ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าคะแนนเสียงในการเลือกตั้งจะไปล้มการพิจารณาอรรถคดีต่างๆ ที่กำลังดำเนินอยู่.
ที่สำคัญ อาจจะเข้าข่ายความผิดในกฏหมายเลือกตั้งที่ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สำคัญผิดในการลงคะแนนให้ผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ หาก กกต.หรือใครร้อง กกต.ให้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้อาจจะไปไกลถึงขั้น “ใบแดง” ผู้สมัคร และต้องดำเนินคดีอาญากับผู้พูด นั่นว่ากันไปในช่องทางของกฎหมาย.
แต่ในแง่การใช้ตรรกะของ ช่อ พรรณิการ์ วานิช ที่จะเอาเสียงการลงคะแนนไปกดดันกระบวนการตุลาการ ถือว่าเป็นตรรกะที่ใช้ไม่ได้และเข้าข่าย “อัปยศ” ในการใช้ตรรกะ.
ระบอบประชาธิปไตยไทย แบ่งแยกอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการออกจากกัน จะเอาชัยชนะที่สามารถเข้ามามีอำนาจในนิติบัญญัติไปกำหนดผลของการตัดสินในอำนาจตุลาการมิได้ นักการเมืองผู้ใดที่มีตรรกะ ความคิดเยี่ยงนี้ถือเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย ที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่า สภาผู้แทนราษฏร-กกต.ควรจะตรวจสอบและลงโทษนักการเมืองที่มีความคิดแบบนี้ เพื่อให้นักการเมืองคนอื่นได้รู้ว่า อันไหนถูกต้อง อันไหน “อัปยศ!”.
