นักการเมืองระดับชาติ ชิงสนามท้องถิ่น

นักการเมืองระดับชาติ   ชิงสนามท้องถิ่น

ไม่ว่าศึกซักฟอก“งบประมาณปี 63” จะมีรายการปั่นกระแสเสียงปริ่มน้ำ โก่งค่าตัวกันอย่างไร แต่ในที่สุดร่างกฎหมายงบประมาณ

ฝั่งรัฐบาลก็มั่นใจเกินร้อยว่า ผ่านฉลุยแน่นอน ชนิดที่ว่า 253 เสียงมาครบ(อย่างเป็นทางการ) และอาจมีแถม

โดยเฉพาะ พี่ใหญ่” ลุงคนนั้น เค้ารับประกันเอง โดยไม่ต้องใช้บริการ ผู้กอง เหมือนเคย

แม้จะมีจังหวะตะลุมบอนในสภาฯ ก็ว่ากันไป แต่ สายเลือกตั้ง ที่รอกฎหมายงบฯผ่าน ก็หมายถึง ศึกเลือกตั้งท้องถิ่น จะนับหนึ่งทันที เพราะหลังมีงบประมาณใช้ในช่วงต้นปีหน้า ตามโรดแมพไม่เกินกุมภาพันธ์ ฉะนั้นนักเลือกตั้ง จึงเริ่มนับถอยหลังกันอย่างคึกคัก 

โดยเฉพาะนักการเมืองระดับชาติ ที่มีจำนวนไม่น้อยตัดสินใจลดระดับ กลับลงไปปักหลักสนามท้องถิ่น ดีกว่าตกงานยาว

แต่งานนี้ ก็ต้องวัดใจ “ทีมยุทธศาสตร์ คสช.”กันว่า จะส่งสัญญาณให้ ครม.เคาะเลือกตั้งสนามไหนก่อน ระหว่างเมืองหลวง “ผู้ว่าฯกทม.“ หรือ อปท.รอบนอก

เวลานี้ ผู้มีอำนาจ ก็ยังเสียงแตก ระหว่างอยากทดสอบกระแสเมืองหลวง ที่เสี่ยงสูง หรือจะไปตีกินจากรอบนอก ปั่นกระแสล้อมเมืองเข้ามาก่อน จนกว่าจะกู้กระแสในเมืองหลวงให้ขยับขึ้นมาในระดับปลอดภัย

ที่สำคัญสนามผู้ว่าฯ กทม.มีการสำรวจแล้วว่า จะเป็นศึกวัดกระแส ระหว่างขั้ว รัฐบาล-ฝ่ายค้านจึงทำให้ต่างฝ่าย ต่างเร่งควานหาตัวผู้สมัครมาประกบกัน

สนามเมืองหลวง จึงมีเดิมพันสูง โดยเฉพาะ “บิ๊กเนม” หลายราย กำลังตัดสินอนาคตการเมืองด้วยศึกชิงผู้ว่าฯกทม.อาจเลิกเดินบนเส้นทางการเมือง  แว่วมาว่าหนึ่งในนั้นอาจรวมไปถึง หล่อโย่งอย่าง กรณ์ จาติกวณิช ที่ถูกโดดเดี่ยวจากทีมอเวนเจอร์

ส่วนสนามนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ นายก อบจ. นักการเมืองระดับชาติที่พลาดหวัง สอบตกในสนามใหญ่ พาเหรดลงท้องถิ่น หลายคนออกสตาร์ท ประกาศตัว ลงพื้นที่แต่เนิ่นๆ  

สองสาว-สองรุ่น เพื่อไทย อย่าง กุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต ส.ส.มหาสารคาม จำใจย้ายสังกัดจากเพื่อไทยไปพรรคเพื่อชาติ เลยไปไม่ถึงเก้าอี้ ส.ส. ส่วน “ยิ้ม” วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ อดีต ส.ส.เชียงราย

สะใภ้ผู้นำฝ่ายค้าน ที่ทั้งคู่หวังกลับสนามการเมืองบนเก้าอี้ “นายก อบจ.”