จับตาจุดเปลี่ยนขั้วการเมือง

จับตาจุดเปลี่ยนขั้วการเมือง

ปี่กลองของ การเลือกตั้ง (ซ่อม) ในพื้นที่ จ.นครปฐม เขต5 แทน “จุมพิตา จันทรขจร” อดีต ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ ที่ลาออกไปเพราะป่วย

 จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ได้ เริ่มดังขึ้นแล้ว หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง​ (กกต.) ประกาศให้ พรรคการเมือง ส่งบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้ง

โดยวันแรกมีผู้สมัคร 6 คนจาก 6 พรรคการเมือง คือ เผดิมชัย สะสมทรัพย์” จากพรรคชาติไทยพัฒนา, สิริขวัญ แย้มมูล พรรคพลังสังคม, สุรชัย อนุตธโต” ​จากพรรคประชาธิปัตย์, “ลาวัลย์ สิงห์สถิต จากพรรคเสรีรวมไทย, ปริมปรางค์ แสนสว่าง จากพรรคไทยศรีวิไลย์ และ ไพรัฎฐโชติ จันทรขจร” จากพรรคอนาคตใหม่

แต่ยังไม่ทันลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง มีปรากฏการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นในฟากของนักเลือกตั้ง หลัง “สุรชัย” แสดงความเห็นว่า พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ควรส่งผู้สมัครเพื่อตัดแต้มกันเอง ซึ่งประเด็นนี้ พุ่งเป้าไปที่ “เผดิมชัย”

โดยที่เจ้าตัว ก็ไม่รู้ว่า หาก พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ส่งคนลงตัดแต้ม แบ่งคะแนน ตนเองจะชนะหรือไม่ เพราะ เบอร์หนึ่ง ของสนามนี้ คือ คนจากพรรคอนาคตใหม่ แม้การเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา จะมีบทวิเคราะห์ว่า เหตุที่คนของพรรคอนาคตใหม่ชนะการเลือกตั้ง เพราะการเทคะแนนจาก พรรคเพื่อไทยและมาจากกระแสของคนรุ่นใหม่ ก็ตาม

สำหรับการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ กกต.​เคาะวันให้หย่อนบัตรเลือกตั้ง คือ 23 ตุลาคม นี้ และในประเด็นเลือกตั้งซ่อมนี้ยังมีอีกหลายเขตพื้นที่ ซึ่งหลายคนวิเคราะห์ว่า นี่อาจเป็นเรื่องน่าจับตาของ จุดเปลี่ยนขั้วการเมือง

กับอีกประเด็นคือการเดินเกมของพรรคฝ่ายค้านต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ล่าสุด 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมปรับรูปแบบการเดินสาย หลังจากที่เวียนครบ 4 ภูมิภาค โดยปรับการเข้าถึงและเข้ากลุ่มเฉพาะ เช่น กลุ่มนักศึกษา-กลุ่มครู-กลุ่มประมง-กลุ่มข้าราชการ และจะใช้รูปแบบการปราศรัยแทนการจัดเวทีเสวนาโต๊ะกลม รวมถึงจัดเวที ฝ่ายค้านพบประชาชน ที่ใช้ช่องทางยูทูบเป็นกลไกเผยแพร่

โดยจะดีเดย์เริ่มการรณรงค์รูปแบบใหม่นี้ ตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นไป และนี่อาจเป็นอีกประเด็นที่สร้างกระแสที่ทำให้การเมืองมีแรงกระเพื่อมได้อีกครั้ง

โดย... เทพจร