3 แนวโน้มสำคัญ สร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรม

3 แนวโน้มสำคัญ สร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรม

ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั่วโลกเห็นพ้องตรงกันว่า ปัจจุบันคือยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 หรือ 4th Industrial Revolution (4IR)

ซึ่งจะเห็นว่าโครงสร้างและระบบการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมจะพยายามปรับตัวให้ทันหรือสอดรับกับพฤตกรรมของลูกค้าและตลาดเป็นหลัก หากแต่ปัจจุบันเหตุผลสำคัญไม่ใช่มีเพียงเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกโดยเฉพาะสภาวะโลกร้อน และความปั่นป่วนจากเทคโนโลยีดิจิทัล

 

จากยุคแรกของการปฏิวัติอุตสากรรมที่มุ่งเน้นการผลิตที่มีผลิตภาพ (Productivity) อ้างอิงนิยามความหมายของสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ที่ว่าเป็นการผลิตมีประสิทธิภาพ (การใช้ทรัพยากรหรือปัจจัยการผลิตอย่างคุ้มค่า ไม่มีความสูญเปล่า สิ้นเปลือง) และมีประสิทธิผล (การบรรลุเป้าหมาย โดยมีผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ ส่งมอบถูกที่ ถูกเวลา) ในทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่าเป็นการผลิตที่มีความประหยัด  (Economies of scale) มีต้นทุนต่ำนั่นเอง และเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจและส่งออกไปต่างประเทศได้ นอกจากมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่แต่ละประเทศกำหนดขึ้นแล้ว มาตรฐานสากลของระบบการผลิตอย่างมีคุณภาพ (ISO) ก็ช่วยสร้างความได้เปรียบ (Economic benefit of standard)

 

เมื่อมาถึงยุคที่ตลาดแบ่งออกเป็นส่วนๆ (segmentation) ความต้องการแตกต่างหลากหลาย การผลิตแบบยืดหยุ่น โดยผลิตน้อยชิ้น แต่มากรุ่นหลายแบบ ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) เป็นองค์ประกอบสำคัญที่องค์กรต้องมีเพิ่มเติม เราจึงเริ่มเห็นหลายองค์กรเริ่มขยับไปทำสินค้าเน้นการออกแบบ ที่สามารถสร้างราคาได้สูงกว่าสินค้าอุตสาหกรรมทั่วไป ในทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า Economies of scope

 

การก่อกำเนิดขึ้นของอินเทอร์เน็ตกว่า 40 ปี เริ่มเห็นผลชัดขึ้นในช่วง 10 ปีมานี้ เมื่อเทคโนโลยีการสื่อสารแบบ 4G ทำให้ภาพและเสียงลื่นไหล และความมั่นใจในความปลอดภัยของไซเบอร์ทำให้การค้าออนไลน์มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ธุรกิจและธุรกรรมต่างๆเกิดขึ้นแบบรวดเร็วทุกที่ทุกเวลา จากเดิมที่ลูกค้าต้องเดินไปหาผู้ขายสินค้าและให้บริการ มาเป็นแย่งกันเข้าถึงลูกค้า ใครเข้าถึงตัวลูกค้าก่อนและเข้าไปนั่งอยู่ในใจได้ถือว่าได้เปรียบ ธุรกิจยุคนี้จึงเพิ่มความสามารถการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยลัดขั้นตอน (Economies of speed)

 

จนถึงปัจจุบันเป็นยุคที่แข่งขันกันสร้างคุณค่า มุ่งตอบสนองความต้องการใหม่ในอนาคต การคาดการณ์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นความท้าทายอย่างที่สุด และองค์กรที่พยายามสร้างสิ่งใหม่ทั้งที่แก้ปัญหาอุปสรรคจากข้อจำกัดในสินค้าและบริการแบบเดิมที่ลูกค้าประสบอยู่ (pain point) ไปจนถึงการนำเสนอสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน (gain point) ถือได้ว่าเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นนวัตกรรม และสร้างประโยชน์ทางธุรกิจจากกลยุทธ์ (Strategy in Emerging Economies)

 

ความท้าทายที่สำคัญขององค์กรยุคใหม่ในขณะนี้คือนอกจากต้องมีทั้ง Productivity และ Creativity อีกทั้งต้องมีความสามารถในการสร้างหรือใช้ Technology ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้ว ยังต้องคาดการณ์อนาคตที่มีความผันผวนและมีความไม่แน่นอนสูง การสร้างนวัตกรรมจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงแนวโน้มสำคัญสามประการด้วยกันคือ แนวโน้มตลาด แนวโน้มโลก และแนวโน้มเทคโนโลยี

 

แนวโน้มตลาด (Market trend) โดยพิจารณาจากปัญหา อุปสรรค์ และความยุ่งยากที่ลูกค้าและตลาดเผชิญอยู่ พร้อมๆไปกับความต้องการใหม่ๆในแต่ละกลุ่มลูกค้า ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าเป้าหมายของเราเป็นใคร ตัวอย่างธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่มาทำอาหาร(ตั้งแต่ฟาร์มเพาะปลูกจนถึงแฟคตอรี่ที่นำมาแปรรูป) สถานพยาบาล บริษัทประกัน ร้านค้าปลีก เราจะพบว่าความคิด ความเชื่อ ไลฟ์สไตล์ และการบริโภค จะสะท้อนถึงการตัดสินใจซื้อของลูกค้ากลุ่มนั้นๆ คนเมืองที่มีเวลาจำกัด อยู่ในที่พักคอนโดห้องแคบๆ และการจราจรที่คับคั่ง แต่ก็ยังอยากลิ้นรองอาหารร้านดัง รสชาติดี หรืออยากสั่งซื้อวัตถุดิบชั้นดีมีคุณภาพไม่มีสารพิษตกค้าง เพื่อมาประกอบอาหารง่ายๆได้ด้วยตนเอง มีสวนสาธารณะให้พักผ่อนออกกำลังกาย มีประกันที่คุ้มครองโรคอุบัติใหม่

 

แนวโน้มโลก (Global trend) ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร เด็กเกิดน้อยลง คนมีอายุยืนยาวขึ้น กลายเป็นสังคมผู้สูงวัย เกิดตลาดใหม่ที่นับวันจะใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ตลาดที่หน่วยธุรกิจทั่วไปไม่เคยให้ความสนใจมาก่อน การรณรงค์ไม่เอาพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง และขยะที่ย่อยสลายยาก

 

แนวโน้มเทคโนโลยี (Technology trend) ที่เห็นอย่างเด่นชัดที่สุดก็คือ บริการต่างๆจะมุ่งเข้าไปอยู่ในสมาร์ทโฟน อุปกรณ์สื่อสารทันสมัยตัวเล็กๆที่ทุกคนมี ทุกคนพกพา และทุกคนใช้มันวันนึงเป็นชั่วโมงหรือหลายชั่วโมง จนอาจเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ห้า แซงหน้ารถยนต์ไปแล้ว AI และ IoT จะเข้าไปอยู่ในทุกที่

 

ตัวอย่างผู้ผลิตผ้าอ้อมเด็ก ซึ่งเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก ผลกระทบจากการที่เด็กเกิดน้อยลง ทำให้ตลาดหดตัว ยอดสั่งซื้อตกต่ำ มูลค่าทางธุรกิจหดหาย การนำความเชี่ยวชาญเดิมมาสู่การผลิตสินค้าตัวใหม่ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ กับตลาดเกิดใหม่ที่โตวันโตคืนและทุกคนคงได้มีโอกาสใช้แน่นอน ทำให้มูลค่าตลาดใหม่ชดเชยตลาดเดิมได้อย่างสบาย

 

ตัวอย่างบริษัทประกัน ที่เมื่อก่อนไม่มีกรมธรรม์สำหรับคนสูงวัย แต่เมื่อเห็นว่าตลาดของคนอายุ 60 จนถึง 80 ปี มีแนวโน้มโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรมธรรม์หลังวัยเกษียณจึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่วิ่งแรงวิ่งเร็ว และมีอนาคตอีกไกล ควบคู่ไปกับการรักษาพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงวัย ที่มีการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ หุ่นยนต์ เข้ามาช่วยดูแลแบบ 24 ชั่วโมง 7 วัน

 

มีอีกมากมายหลายตัวอย่างให้เห็นแล้ว ดังนั้นทุกคนสามารถเริ่มต้นคิดนวัตกรรมใหม่ๆได้ เพียงแต่พิจารณาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 3 ประการดังกล่าว เชื่อว่าไอเดียที่สอดรับกับทุกแนวโน้มจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก