กฟผ.อย่าดึงดันนำเข้าก๊าซ LNG 1.5ล้านตัน

กฟผ.อย่าดึงดันนำเข้าก๊าซ LNG 1.5ล้านตัน

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) มีโครงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ LNG มาผลิตกระแสไฟฟ้า และขายให้กับโรงไฟฟ้าก๊าซ 1.5 ล้านตันต่อปี ระยะเวลา 8 ปี

ซึ่งเป็นความพยายามดิ้นรนของ กฟผ. ตั้งแต่สมัย พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ เป็นรัฐมนตรีพลังงาน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่องค์กรค้าก๊าซ หรือน้ำมัน

เดิม กฟผ.จะซื้อก๊าซเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจาก ปตท. เพราะ ปตท.เป็นองค์กรบริหารการค้าขาย น้ำมันและก๊าซมาตลอด ดังนั้นกฟผ.ยังไม่มีความพร้อมใด ทั้งถังเก็บก๊าซ -ท่าเรือ ระบบท่อขนส่งก๊าซ จึงจะยืมใช้ของ ปตท.ที่มีอยู่แล้ว 

ระหว่างการประชุม เพื่อทบทวนนโยบายนี้ของกระทรวงพลังงาน เมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้เอง ทั้ง กฟผ.และ ปตท.ต่างเถียงกันหน้าดำหน้าแดงว่า องค์กรใดจะบริหารการซื้อ-ค้าก๊าซ จำนวนดังกล่าว ต่อหน้า สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน จนหาข้อยุติไม่ได้ และจะมีการหารือกันใหม่ ในเร็วๆ นี้

โครงการมูลค่ากว่าแสนล้านบาทใครๆ ก็อยากเอาไปบริหารเอง ปัญหาอยู่ที่ ความพร้อมและวัตถุประสงค์ขององค์กรของทั้งสอง ที่ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ควรนำไปเป็นปัจจัยในการตัดสินให้รอบคอบ กฟผ.ไม่ได้ตั้งมามีวัตถุประสงค์ในการค้าก๊าซหรือน้ำมัน 

เมื่อไม่มีวัตถุประสงค์ดังนี้ จึงไม่มีการสร้างโครงสร้างมาเพื่อสิ่งนี้ มีแต่โครงสร้างการผลิตและสายส่งไฟฟ้าไปให้การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน

หาก กฟผ.ต้องค้าก๊าซ ปีละ 1.5 ล้านตัน เป็นเวลา 8 ปี กฟผ.ต้องใช้เงินอีกนับหมื่นล้านบาท ในการสร้างถังเก็บ-ท่อขนส่ง และท่าเรือ ที่สำคัญการสร้างดังกล่าว จำเป็นต้องรุกล้ำลงไปในทะเล ที่หนีไม่พ้น “การทำลายระบบนิเวศน์ทางทะเล” ที่เรากำลังหวงแหนหนักหนาในขณะนี้

จงคิดให้รอบคอบ เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน มากกว่าผลประโยชน์ที่จะเข้ากระเป๋าใคร!

โดย... ฅนไท