เราจะอยู่กันอย่างนี้จริงๆ หรือ

เราจะอยู่กันอย่างนี้จริงๆ หรือ

ทำได้เพียงก้มหน้าจำยอมรับสภาพ อยู่กัน 'แบบไทยๆ' ไปวันๆ

เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กรกฏาคม ที่ผ่านมา มีข่าวแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทในเครือห้างสรรพสินค้าใหญ่บริษัทหนึ่ง ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (tender offer) ของบริษัทผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าอีกบริษัทที่ตนเองถือหุ้นส่วนหนึ่งอยู่ พร้อมราคาเสนอซื้อ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์\

แม้ข่าวดังกล่าวจะระบุเวลา 21.34.51 น. แต่ปรากฏว่า ตั้งแต่ช่วงเที่ยงๆ ของวันเดียวกัน หุ้นของบริษัทที่กำลังจะถูก tender offer ได้พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปิดตลาดโดยบวกเกือบสิบเปอร์เซ็นต์ ทำเอานักลงทุนรายย่อยเช็คกันให้วุ่นว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะมาถึงบางอ้อในช่วงค่ำของวันเดียวกัน

เหตุการณ์เช่นนี้ หากเกิดขึ้นในประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ย่อมจะถูกตั้งคำถามได้ว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีการใช้ 'ข้อมูลวงใน' ในการซื้อขายหุ้น และน่าจะมีการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดกันยกใหญ่ ซึ่งหากมีผู้กระทำผิดก็อาจถึงขั้นถูก 'จำคุก'

กรณีที่ผมยกมาเล่าอยู่เสมอ คือ 'มาร์ธา สจ๊วร์ต' เซเลบและนักธุรกิจหญิงชื่อดัง ที่สร้างอาณาจักรสื่อของตัวเองขึ้นมาจนยิ่งใหญ่ บริษัทของมาร์ธามีรายการโทรทัศน์หลายรายการ มีนิตยสาร ขายสินค้า รวมทั้งทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ (ธุรกิจของเธอคล้ายๆ กับเครืออมรินทร์ของไทย)

แต่แล้วในปี 2004 มาร์ธากลับต้อง 'ติดคุก' ในข้อหาปกปิดหลักฐานและให้การเท็จ อันเนื่องมาจากการใช้ 'ข้อมูลวงใน' เพื่อขายหุ้นของบริษัทยาชื่อ 'แอมโคลน'

ที่มาของเรื่องนี้ก็คือ ในปี 2001 แอมโคลนได้ถูก FDA หรือองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ตัดสินไม่อนุมัติให้ใช้ยาตัวหนึ่ง และหลังประกาศข่าวนี้ออกไป หุ้นก็ร่วงลงถึง 16% ในวันเดียว

ต่อมา กลต. เข้าไปตรวจสอบและพบว่า ผู้บริหารรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องหลายคนได้ขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมากในวันก่อนประกาศข่าว ซึ่งมาร์ธาก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะโบรกเกอร์ของเธอโทรมากระซิบให้ขาย

สุดท้าย ด้วยการปกปิดข้อมูลและให้การเท็จต่อศาล นักธุรกิจหญิงชื่อดังจึงต้องระเห็จไปอยู่ในคุก แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับฝ่ายบริหารของบริษัทด้วยซ้ำไป !!

สำหรับเมืองไทย กรณี tender offer หุ้นห้างฯ ที่ยกมา เจตนาของผมคือการ 'ตั้งคำถาม' ไม่ได้ต้องการกล่าวหาใคร และจะว่าไป มันเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ กรณีที่เกิดขึ้นมาตลอดกับตลาดหลักทรัพย์ของประเทศนี้ ยังไม่นับการปล่อยข่าวลวง ลากหุ้น ทุบหุ้น ฯลฯ ทำราวกับบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป ใครจะทำอะไรก็ได้

ผมเพียงอยากตั้งคำถามว่า 'เราจะอยู่กันอย่างนี้จริงๆ หรือ' จะมีใครกล้าหาญพอที่จะลุกขึ้นมาสร้างมาตรการอย่างยั่งยืน ไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นต่อไปได้หรือไม่

หรือจะทำได้เพียงก้มหน้าจำยอมรับสภาพ อยู่กัน 'แบบไทยๆ' ไปวันๆ เท่านั้นเอง