อย่ามองโลกสวย “บ้านใหญ่” ไม่มีวันตาย
“ประจักษ์ ก้องกีรติ” รองคณบดี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยว่า ยุครุ่งเรืองของนักการเมืองแบบเจ้าพ่อสิ้นสุดลง
หลังจากมีรัฐธรรมนูญปี 2540 แม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องถือว่าทำได้สำเร็จมาก ในการเปลี่ยนการเมืองและลดอิทธิพลของเจ้าพ่อลง
“เราจึงเห็นว่าการเลือกตั้งหลังปี 2540 เป็นต้นมา เจ้าพ่อสอบตกไปเยอะ”
ข้อเท็จจริงที่เห็นและเป็นอยู่ รัฐธรรมนูญ 2540 ทำให้เกิด “เจ้าพ่อเหนือเจ้าพ่อ” เมื่อบรรดา “บ้านใหญ่” ถูกกวาดต้อนเข้าไปอยู่ใต้ร่มธง “พรรคทักษิณ”
ยกตัวอย่าง “บ้านใหญ่นครปฐม” , “บ้านใหญ่สระแก้ว” , “บ้านใหญ่บุรีรัมย์” , “บ้านใหญ่ชลบุรี”, “บ้านใหญ่สุโขทัย” ฯลฯ ล้วนเติบใหญ่ขยายอาณาจักร ตลอดเวลา 7 ปี ที่ประชานิยมแผลงฤทธิ์ จึงก่อให้เกิด “บ้านใหญ่” แห่งใหม่อีกหลายจังหวัด
อ.ประจักษ์อย่าไปจับประเด็นแค่เกิดรัฐประหาร 2549 ทำให้การเมืองแบบเจ้าพ่อกลับมา
ยกตัวอย่าง “บ้านดอนหมื่นแสน” ต.ดอนขวาง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ที่คนเมืองอุทัยรู้จักดี ใครเดือดเนื้อร้อนใจอะไร ต้องไปพึ่งพาบ้านใหญ่-บ้านดอนหมื่นแสน
อุทัยธานี เป็นจังหวัดขนาดกลาง ตรงรอยต่อภาคกลางกับภาคเหนือ ตระกูลการเมืองของอุทัย ทั้งระดับชาติและท้องถิ่น ก็มีอยู่ 5-6 ตระกูลคือ ทุ่งทอง, นุ้ยปรี, มงคลศิริ, เหลืองบริบูรณ์, โต๋วสัจจา และไทยเศรษฐ์
“ชาดา” ชาวมุสลิมปาทาน ทำธุรกิจค้าเนื้อสัตว์จับมือกับตระกูล “เหลืองบริบูรณ์” ตั้งกลุ่มคุณธรรมลงเลือกตั้งท้องถิ่น ชาดาได้นั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรี และเป็นนายกเล็กติดต่อกันมาหลายสมัย ก่อนจะส่งต่อให้น้องสาว-มนัญญา ไทยเศรษฐ์
ผลงานที่ชาดาภาคภูมิใจคือการตั้ง “สมาคมชาวไร่อ้อยไทยเศรษฐ์” จ.อุทัยธานี และการนำชาวไร่อ้อยอุทัยธานีเข้าสู่การเป็นสมาชิกสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย
20 กว่าปีที่หนุ่มใหญ่ชาวมุสลิมปาทาน ลงเล่นการเมืองท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ ปีนี้ถือเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลไทยเศรษฐ์
เนื่องจากมีข่าวว่า ชาดาจะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ แต่เกิดปัญหาบางประการ จึงต้องให้มนัญญา ไทยเศรษฐ์ นั่งเก้าอี้ รมช.เกษตรฯ แทน
ประมุขบ้านใหญ่ดอนหมื่นแสน ก็ไม่ต่างจากประมุขบ้านใหญ่แห่งอื่น ที่มีชาวบ้านรักและพร้อมจะลงคะแนนให้ในเวลาที่มีการเลือกตั้ง
อย่าคิดแต่เชียร์พรรคหน้าใหม่ๆ จนลืมข้อเท็จจริงว่า บ้านใหญ่ไม่มีวันหมดไป ตราบใดที่ระบบอุปถัมภ์ยังฝังรากลึก