Digitalization…โลกแห่งอนาคต

Digitalization…โลกแห่งอนาคต

หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10-20 ปีก่อน การทำกิจกรรมเพียงอย่างเดียวอาจใช้เวลาครึ่งค่อนวัน

 กว่าจะฝ่าจราจรไปติดต่อธุรกิจกับคู่ค้า ต่อแถวรอโอนเงินที่ธนาคาร แวะห้างสรรพสินค้าซื้อของวันเกิดให้ลูก หรือการออกไปหาร้านอาหารอร่อยๆ ทานในวันหยุด แตกต่างจากวิถีชีวิตปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ภายใต้อิทธิพลบนโลกดิจิทัลในทุกวันนี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงและเดินหน้าในทุกมิติอย่างรวดเร็ว เพราะการทำกิจกรรมและธุรกรรมผ่านโทรศัพท์และแอปพลิเคชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่งอีเมล์ โอนเงิน ซื้อของ หรือสั่งอาหาร เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของผู้คนในยุคสมัยนี้ เพียงไม่กี่คลิกก็สามารถทำให้ชีวิตที่ดูเหมือนจะวุ่นวายและยุ่งเหยิง รวดเร็วและสบายขึ้นได้อย่างน่าประหลาดใจ ครอบคลุมทั้งเรื่องธุรกิจและชีวิตส่วนตัว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั้งประชากรรุ่นเก่าและใหม่

แน่นอนว่าความสำเร็จของธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องพึ่งพาและถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ธุรกิจในยุคอดีตที่เคลื่อนตัวเชื่องช้าอย่างเต่าล้านปีต้องทยอยปิดตัวลง วิธีดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิมที่ไม่ยอมวิ่งตามโลกที่เปลี่ยนไปคงไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในทุกวันนี้ได้ เราเชื่อว่าแทบทุกธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมบนโลกต้องปรับและเร่งเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานให้เป็นดิจิทัล หรือ Digitalization เพื่อช่วยให้การทำงานมีความราบรื่น มีประสิทธิภาพที่ดี ไร้ความผิดพลาดของมนุษย์ที่อาจสร้างความเสียหายกับองค์กรไม่ว่าจะเป็นแง่ของสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่นเครื่องจักร ที่ดิน หรือสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน อย่างชื่อเสียงที่ไม่สามารถตีมูลค่าเป็นจำนวนเงินได้ ดังนั้น ธุรกิจที่มองการณ์ไกลเห็นว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทตลอดจนกระบวนการทำงานสำคัญต่อการอยู่รอดในระยะยาว จะมีการเตรียมพร้อมรับมือเผชิญกับนวัตกรรมเทคโนโลยีนับว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง

การแข่งขันในธุรกิจย่อมมีผู้แพ้ ผู้ชนะ เป็นเรื่องธรรมดา เราจะเห็นมูลค่าตลาดของบริษัทจดทะเบียนแบ่งแยกเป็นสองขั้ว ผู้ชนะย่อมเป็นบริษัทที่ไม่ยึดติดกับระบบการทำงานแบบอนาล็อก มีความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลง ส่วนผู้แพ้คือผู้ที่ไม่ยอมรับการปรับตัวที่ล้วนต้องปิดตัวลงตามกันไป ส่งผลให้ผู้ชนะได้รับส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น นั่นหมายความว่าจำนวนลูกค้า รายได้และผลกำไรเพิ่มสูงขึ้นโดยปริยาย จึงสรุปได้ว่ากุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจหนีไม่พ้นเทคโนโลยีอย่างแน่นอน ทั้งนี้ หนึ่งในกลยุทธ์การขายที่ปฏิวัติการค้าโลก คือการขายจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ โดยสถาบันการเงินชั้นนำของโลกประเมินไว้ว่าปริมาณการซื้อขายในตลาดออนไลน์จากปัจจุบันจะพุ่งขึ้นถึง 12 เท่าในปี 2025

บริษัททุกอุตสาหกรรมเผชิญกับความท้าทายในการถ่ายโอนการทำงานจากดั้งเดิมสู่ดิจิทัล โดยวิธีการที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงเมล็ดเงินที่นำไปพัฒนาโครงสร้างกระบวนการทำงานที่ไม่เหมือนกัน นำโดยอุตสาหกรรมไอทีที่เทคโนโลยีมีอิทธิต่อธุรกิจนี้อย่างชัดเจน หากพูดถึงหุ้นกลุ่ม FAANG (Facebook, Amazon, Apple, Netflix และ Google) ทุกคนคงเห็นพ้องกันว่าทั้ง 5 บริษัท อำนวยความสะดวก ให้ความบันเทิง และให้การบริการเป็นที่หนึ่ง แต่หารู้ไม่ว่าบริษัทที่ทรงอิทธิพลเหล่านี้ยังส่งมอบผลิตภัณฑ์ด้านซอฟต์แวร์ เซมิคอนดักเตอร์ หรืออุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ ยกระดับการใช้ชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

ส่วนด้านธุรกิจแฮลท์แคร์ก็ได้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบระดับน้ำตาลอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสามารถจัดการโรคเบาหวานได้ดีขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน เช่นเดียวกันกับด้านอุตสาหกรรม การสร้างเครื่องจักรอัตโนมัติ เช่น รถอัจฉริยะแบบไร้คนขับ รวมถึงกระบวนการที่ระบบสามารถเรียนรู้ได้เองผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อยคือ อสังหาริมทรัพย์ ที่เทรนด์ของสถานที่นั่งทำงานร่วมกันกับผู้อื่น (Co-working space) เพิ่มขึ้นจนส่งผลให้ความต้องการใช้อาคารสำนักงานแบบอยู่กับที่ลดลง หรือพฤติกรรมการซื้อของที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาจากการใช้เวลาเป็นชั่วโมงเดินเลือกและลองสินค้า เป็นการค้นหา เลือกสรร ทดลอง เช็คสต๊อก จ่ายเงิน หรือแม้แต่การส่งและรับสินค้าคืนสิ้นสุดทุกกระบวนการผ่านระบบออนไลน์ ส่งผลให้การใช้งานผ่านศูนย์การค้ามีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ

ความก้าวหน้าในเทคโนโลยียังห่างไกลคำว่าเต็มศักยภาพเพราะบทบาทและความสำคัญของการใช้ดิจิทัลยังไม่สิ้นสุด ปัจจุบัน Digitalization ส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หน้าที่ผู้บริหารที่ดีของบริษัทควรปรับทิศทางตามสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าไม่รวดเร็วและทันใจ อย่าลืมว่าผู้บริโภคก็พร้อมที่จะเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคู่แข่งได้เสมอ